โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

งบกลางฉุกเฉินพันล้าน กรวีร์ถามหาเงินช่วยชาวนา-ชวนเรียกร้องเยียวยาชายแดนใต้เท่าเทียม ชี้เสี่ยงไม่ต่างชายแดนกัมพูชา

THE STANDARD

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
งบกลางฉุกเฉินพันล้าน กรวีร์ถามหาเงินช่วยชาวนา-ชวนเรียกร้องเยียวยาชายแดนใต้เท่าเทียม ชี้เสี่ยงไม่ต่างชายแดนกัมพูชา

วันนี้ (13 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่ 2-3 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค. ซึ่งเป็นการพิจารณาเป็นรายมาตรา (วาระ 2) เป็นวันแรก

กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในมาตรา 6 เกี่ยวกับงบกลาง ได้รับการจัดสรรเพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท ในหมวดสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมเป็น 99,000 ล้านบาท เกือบหนึ่งแสนล้านบาท ตนเองไม่ได้คัดค้านการเพิ่มงบกลาง เนื่องจากเข้าใจว่ารัฐบาลต้องมีงบสำรองเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน

เช่น กรณีความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หรือภัยพิบัติอย่างน้ำท่วมหรือน้ำแล้งในจังหวัดอ่างทองบ้านตนเอง ซึ่งงบกลางก็ถูกนำไปช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงเพิ่มงบเพียง 1,000 ล้านบาท ตัวเลขนี้มีฐานคิดมาจากอะไร เหตุใดไม่เพิ่มมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ และงบจำนวนนี้เพียงพอหรือไม่ต่อการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน

กรวีร์สอบถามไปยังกรรมาธิการว่า งบกลางสามารถนำมาใช้ช่วยเหลือชาวนาที่กำลังประสบปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำได้หรือไม่ เนื่องจากปีนี้ไม่มีโครงการประกันรายได้เหมือนรัฐบาลชุดก่อน ทำให้ความหวังเดียวของชาวนาคือการได้รับความช่วยเหลือจากงบกลาง ซึ่งในปี 2568 ที่ผ่านมา ก็ยังมีการค้างจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาอยู่

กรวีร์เน้นย้ำว่า หากราคาพืชผลการเกษตรยังตกต่ำ รัฐบาลควรมีแผนชัดเจนว่างบกลางเกือบ 100,000 ล้านบาทนี้ จะสามารถนำมาใช้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้หรือไม่ พร้อมเสนอว่าในปี 2569 ควรจัดสรรงบกลางให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และใช้เป็นเครื่องมือรับมือเหตุฉุกเฉินในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วน ชวน หลีกภัย สส.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในมาตรา 6 งบกลาง พร้อมเสนอข้อสังเกตต่อการแก้ไขงบประมาณหมวดเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นซึ่งเดิมตั้งไว้ 98,000 ล้านบาท และกรรมาธิการได้ปรับเพิ่มเป็น 99,000 ล้านบาท โดยชวนมองว่าเป็นงบที่มีประโยชน์ หากใช้ในสถานการณ์จำเป็นจริง

ชวน อภิปรายถึงกรณีที่ ครม.มีมติเห็นชอบวงเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยรัฐบาลได้ประกาศเยียวยาให้ผู้เสียชีวิตและทุพพลภาพ หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ รายละ 10 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 1 ล้านบาท บาดเจ็บมาก 5 แสนบาท ส่วนกรณีประชาชนเสียชีวิตและทุพพลภาพ รายละ 8 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 8 แสนบาท บาดเจ็บมาก 4 แสนบาท

“จะเป็น 10 ล้าน 20 ล้าน หรือ 100 ล้านกับชีวิตที่เสียไป ไม่อาจจะเทียบได้ ผมยืนยันว่า ผมพูดเรื่องนี้มาหลายครั้ง เราเสียหายจากความผิดพลาดทางนโยบายเศรษฐกิจจะเสียหายกี่แสนล้านบาทก็ไม่อาจเทียบได้กับชีวิตที่เสียไปกับความผิดพลาดในนโยบายความมั่นคงกรณีภาคใต้”

ชวน กล่าวต่อว่านับตั้งแต่นโยบาย 8 เมษายน 2544 มีสูญเสียชีวิตเจ้าหน้าที่ทหารในกองทัพไทย และประชาชนเป็นจำนวนมากกว่า 8,000 คน ไม่นับรวมผู้บาดเจ็บและทุพพลภาพที่มีมากกว่า 10,000 คน เราต้องเห็นคุณค่าชีวิตมากกว่าตัวเงิน จะต้องคิดว่าความมั่นคงมีเหมือนกันทุกภาค ตนเองเคยไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บทุกปีในภาคใต้ ทุกคนปรารภเหมือนกันว่าหากจะได้เงินเยียวยาเพิ่มก็จะเป็นประโยชน์

มติ ครม.ดังกล่าว อาจเกิดความรู้สึก 2 ด้าน โดยเฉพาะด้านที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เจ้าหน้าที่รู้สึกว่ามีความเหลื่อมล้ำ ทั้งยังหวังว่ารัฐบาลจะช่วยปรับค่าชดเชยที่เขาได้รับให้เพิ่มขึ้น จะสิบล้านบาท แปดล้านบาทก็เป็นอีกเรื่อง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ในภาคใต้เสี่ยงไม่ต่างจากทหารในชายแดนไทย-กัมพูชา

ดังนั้นคนในพื้นที่ย่อมมีความรู้สึกว่าเหลื่อมล้ำหรือแตกต่าง จึงขอเรียนเพื่อประโยชน์ของรัฐบาลว่า เราต้องการความสามัคคี รัฐบาลก็เรียกร้องความสามัคคี แต่ความสามัคคีจะเกิดขึ้นเมื่อเราปฏิบัติกับคนอย่างเดียวกัน จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าไม่ถูกเลือกปฏิบัติ

ฉะนั้นพื้นที่อื่นที่มีสถานการณ์เสี่ยงอย่างเดียวกัน จะปรับค่าชดเชยให้เท่ากับสถานการณ์ในชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ หากไม่สามารถทำได้จะมีความคิดที่จะปรับค่าชดเชยได้หรือไม่ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บพอที่จะมีโอกาสใช้งบกลางเพื่อเพิ่มรายจ่ายให้กับครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บได้หรือไม่ คนน้อยใจจะได้หมดความน้อยใจ ท้ายที่สุดคนที่เสี่ยงเหมือนกันจะได้รับการตอบแทนเช่นเดียวกัน

ขณะที่ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2569 ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงว่า งบกลางที่ตั้งไว้ในปีงบประมาณมีทั้งหมด 12 หมวด หนึ่งในนั้นคืองบสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ขณะที่หมวดอื่น ๆ ไม่มีหน่วยรับงบที่แน่นอนและไม่สามารถกำหนดตัวเลขล่วงหน้าได้ ต้องพิจารณาตามสถานการณ์จริงของแต่ละปี

เช่น การชดเชยกรณีเสียชีวิต หรือค่ารักษาพยาบาล โดยสำนักงานงบประมาณจะหารือร่วมกับกรมบัญชีกลางเพื่อกำหนดวงเงินให้เหมาะสม โดยไม่มีการตั้งเผื่อจนเหลืองบ เพื่อให้ทุกบาททุกสตางค์เกิดประโยชน์สูงสุด และหากใช้ไม่หมดสามารถโอนเพื่อใช้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานได้

สำหรับปีนี้ แม้จะตั้งงบไม่เต็ม 100% แต่คาดว่าอาจต้องใช้เงินคงคลังบางส่วน ซึ่งจะไม่มากเท่าปีก่อนที่ใช้ถึง 120,000 ล้านบาท สำหรับงบฉุกเฉิน เดิมตั้งไว้ 98,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ภัยพิบัติ หรือเหตุปะทะชายแดน ในปีที่ผ่านมา งบฉุกเฉินตั้งไว้ 95,000 ล้านบาท ใช้ไปกว่า 40,000 ล้านบาท โดยเกือบ 40% ประมาณ 20,000 ล้านบาท ใช้สำหรับเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟไหม้ และเหตุปะทะชายแดน

งบส่วนนี้ยังถูกนำไปใช้เพื่อความมั่นคงของรัฐ ราว 2,000 ล้านบาท และโครงการที่ตั้งงบไม่เพียงพอแต่มีความจำเป็นเร่งด่วนอีก 4,500 ล้านบาท เช่น การประชุมนานาชาติ และโครงการตามกรอบ OECD นอกจากนี้ ยังใช้ในภารกิจเร่งด่วนที่ไม่ได้ตั้งงบไว้ล่วงหน้า 6,500 ล้านบาท เช่น การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และปัญหาที่ดิน

ส่วนข้อเสนอให้นำงบกลางไปช่วยเหลือชาวนาในโครงการช่วยเหลือชาวนา 1,000 บาท จุลพันธ์ชี้แจงว่า งบกลางในส่วนเงินฉุกเฉิน เป็นงบที่ยังไม่มีโครงการกำหนดตายตัว การใช้จ่ายขึ้นอยู่กับมติคณะรัฐมนตรีและการพิจารณาของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามอำนาจหน้าที่ของงบกลาง
สำหรับข้อเสนอให้นำเงินนี้ไปช่วยชาวนาในโครงการช่วยเหลือ 1,000 บาทต่อครัวเรือนนั้น จุลพันธ์ชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้เดินหน้า แต่จะใช้งบจากรัฐวิสาหกิจดำเนินการก่อนในลักษณะกึ่งการคลัง ไม่ใช้งบกลาง

ส่วนการชดเชยเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากเหตุปะทะชายแดน จุลพันธ์ระบุว่า ได้อนุมัติงบประมาณไปแล้วประมาณ 300 ล้านบาทในปี 2568 ส่วนการขยายสิทธิ์ชดเชยไปยังกลุ่มอื่นๆ ตามที่สมาชิกสภาแสดงความห่วงใยหรือไม่นั้น ตนเองขอรับข้อสังเกตเพื่อนำไปหารือกับคณะรัฐมนตรี เนื่องจากวันนี้ตนเองมาชี้แจงในฐานะกรรมาธิการ ซึ่งไม่สามารถตัดสินใจได้เพียงลำพัง และต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

ประมวลภาพสภาฯ ถกงบ 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระ 2 วันแรก

15 นาทีที่แล้ว

พิชัยมอง ธปท.ลดดอกเบี้ย เป็นนิมิตหมายอันดี เผยเตรียมหารือแผนฟื้นสภาพคล่องอีก 3-4 เรื่อง

33 นาทีที่แล้ว

ศบ.ทก. ยังไม่มีการยุติบทบาท เดินหน้าปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชาต่อเนื่อง รอสภาความมั่นคงแห่งชาติกำหนดทิศทาง

51 นาทีที่แล้ว

กต.เตรียมเชิญทูต 50 ประเทศผู้บริจาคและรัฐภาคีกรอบออตตาวาแจงปมกัมพูชาวางทุ่นระเบิด 15 ส.ค.นี้ ก่อนพาลงพื้นที่ 16 ส.ค. พิสูจน์ข้อเท็จจริง

57 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

สำนักข่าวไทย Online

กรมการศาสนา จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

สำนักข่าวไทย Online
วิดีโอ

หมอมนูญย้อนบทสัมภาษณ์ พยาบาลต่างชาติเล่าเคยถูกห้ามจ่ายยาต้าน HIV และข่มขู่ในวัดพระบาทน้ำพุให้ออกไป ชี้เป็นตราบาปสังคม

BRIGHTTV.CO.TH

ประมวลภาพสภาฯ ถกงบ 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระ 2 วันแรก

THE STANDARD

พท.ส่ง “สง่า พรมเมือง” ประเดิมสมัครวันแรกเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 7 เชียงราย

Manager Online

เคลียร์ทุกดราม่า! “หมอบี” โต้ยักยอกเงินวัด แจงทำไมทุกอย่างต้องเป็นเงินสด

สยามรัฐ

สภาเทศบาลแม่กลอง เห็นชอบงบปี 69 พร้อมทุ่มงบสะสมกว่า 10 ล้าน เสริมศักยภาพป้องกันภัย-บริการประชาชน

Manager Online

อุตสาหกรรมอาหารสัตว์-ภาคปศุสัตว์ไทย ร่วมสร้าง “อากาศสะอาด” ไม่รับซื้อวัตถุดิบจากการเผา

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ไชยา พรหมา นั่งทำหน้าที่รองประธานสภาครั้งแรก อดิศรร่ายกลอนต้อนรับ ‘เหมาะสมตำแหน่ง อยู่มานาน เปล่งรัศมี ศรีบุญเรือง’

THE STANDARD

ณัฐพงษ์แนะปฎิรูประบบงบประมาณ สร้างการลงทุนเพื่ออนาคตประเทศ จี้แก้ปัญหาจัดงบไม่ฟังเสียงสภา ขาดความโปร่งใส ไร้ทิศทาง

THE STANDARD

รักชนกชี้งบบูรณาการต่อต้านคอร์รัปชัน ไม่ทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้น จี้หน่วยงานรัฐโปร่งใส ด้านศุภณัฐร่ายปัญหางบก่อสร้าง

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...