หมากเม่า ผลไม้พื้นบ้าน เสริมภูมิคุ้มกัน ชะลอวัยแบบไม่ง้อสารเคมี
หมากเม่า คือสมุนไพรพื้นบ้านที่หลายคนมองข้าม แต่ความจริงแล้วเต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะสารแอนโทไซยานินซึ่งเด่นเรื่องต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิว ชะลอวัย ลดสิว และดูแลสุขภาพหัวใจอย่างมีประสิทธิภาพ
หมากเม่าคืออะไร
หมากเม่า หรือที่รู้จักในชื่อท้องถิ่นภาคอีสาน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Antidesma bunius เป็นพืชไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกลาง พบได้ทั่วไปในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย นิยมปลูกตามบ้านหรือพบตามป่าเบญจพรรณ ผลของหมากเม่าจะเป็นพวงขนาดเล็ก รูปร่างกลม ขนาดใกล้เคียงลูกเกด เมื่อดิบจะมีรสเปรี้ยวจัด แต่เมื่อสุกจะมีรสอมหวานฝาดเล็กน้อย สีของผลสุกจะเป็นม่วงเข้มถึงดำ ซึ่งเป็นแหล่งของสารแอนโทไซยานินตามธรรมชาติ
คนโบราณมักใช้หมากเม่า เป็นส่วนหนึ่งของยาไทย เช่น ลดไข้ ขับปัสสาวะ หรือบำรุงเลือด ปัจจุบันนิยมนำไปแปรรูปเป็นน้ำหมากเม่า แยม หรือไวน์หมากเม่า
หมากเม่ามีประโยชน์อย่างไร?
ช่วยต้านสิว
สารแอนโทไซยานินในหมากเม่า มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ลดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว ช่วยควบคุมความมันบนผิวหนัง และลดการเกิดสิวอุดตัน หากกินเป็นประจำจะช่วยปรับสมดุลภายใน ทำให้ผิวดูแข็งแรงขึ้นและลดปัญหาสิวเรื้อรัง
บำรุงสายตา
หมากเม่า มีวิตามินเอในระดับสูง ช่วยบำรุงจอประสาทตา และลดความเสื่อมของเลนส์ตาจากแสงแดดและหน้าจอ ยิ่งไปกว่านั้น สารแอนโทไซยานินยังมีบทบาทในการลดโอกาสการเกิดต้อกระจก และบำรุงหลอดเลือดฝอยในตาให้แข็งแรง
เสริมภูมิคุ้มกัน
ในหมากเม่ามีวิตามินซีสูง ช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นด่านแรกของระบบภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นหวัดบ่อยหรือมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง การกินหมากเม่าเป็นประจำสามารถช่วยฟื้นฟูพลังงานและลดความถี่ของการเจ็บป่วย
ชะลอวัย ลดความเสื่อมของเซลล์
แอนโทไซยานินจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยมในหมากเม่า ซึ่งช่วยลดการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระที่เป็นต้นเหตุของริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ และโรคเรื้อรังต่างๆ รวมถึงช่วยยืดอายุเซลล์ผิวให้ดูสดใสอ่อนวัย
บำรุงหัวใจและหลอดเลือด
ผลการศึกษาหลายแห่งระบุว่า หมากเม่าช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) เพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) และลดการเกิดลิ่มเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี ลดความดันโลหิต และช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
กินหมากเม่าอย่างไรให้ได้ประโยชน์
การบริโภคหมากเม่า ควรเลือกวิธีที่คงสารอาหารไว้ให้มากที่สุด โดยเฉพาะแอนโทไซยานินที่ไวต่อความร้อนและแสง
กินผลสด (แต่ไม่ควรกินมากเกินไปเพราะอาจฝาดลิ้น)
น้ำหมากเม่าสกัดเย็น ไม่เติมน้ำตาล
หมากเม่าอบแห้ง ทานกับซีเรียล โยเกิร์ต หรือข้าวโอ๊ต
หลีกเลี่ยงน้ำหมากเม่าที่เติมน้ำตาลสูงหรือแปรรูป
ใครควรระวังการกินหมากเม่า
ผู้ป่วยโรคไตระยะรุนแรง เพราะหมากเม่ามีโพแทสเซียมสูง อาจทำให้ไตทำงานหนัก
ผู้เป็นเบาหวาน ควรเลือกแบบไม่หวาน ไม่เติมน้ำตาล
ผู้มีภาวะกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยงการกินขณะท้องว่าง เพราะมีรสเปรี้ยว
หมากเม่าต่างจากบลูเบอร์รี่ยังไง?
แม้หน้าตาจะคล้ายบลูเบอร์รี่ แต่หมากเม่ามีรสฝาดมากกว่า มีไฟเบอร์สูงกว่า และเป็นผลไม้ท้องถิ่นที่ปรับตัวได้ดีในสภาพอากาศร้อน จึงเหมาะเป็นทางเลือกสุขภาพสำหรับคนไทยที่ต้องการผลไม้ต้านอนุมูลอิสระราคาประหยัด
หมากเม่าเป็นมากกว่าผลไม้พื้นบ้าน แต่คือสมุนไพรที่อัดแน่นด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งผิวพรรณ สายตา หัวใจ ภูมิคุ้มกัน และการชะลอวัย เมื่อบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกวิธีการกินที่ดี ก็สามารถนำมาปรับเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มสุขภาพประจำวันได้อย่างลงตัว