ภาษีทรัมป์เริ่มบังคับใช้ในหลายประเทศ ทรัมป์คุยเงินมหาศาลเข้าสหรัฐฯ ในไม่กี่ชั่วโมง
โดยนับตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 7 สิงหาคมตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ แต่ละประเทศจะต้องถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตราที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ กลุ่มประเทศที่ต้องเสียภาษีหนักที่สุดได้แก่บราซิล โดนขูดภาษีถึงร้อยละ 50 สปป.ลาว และเมียนมาร์เจอภาษีร้อยละ 40 เช่นเดียวกับอิรักและเซอร์เบีย ขณะที่สวิตเซอร์แลนด์ก็ถูกเรียกเก็บถึงร้อยละ 39 นอกจากนี้ ยังมี 21 ประเทศ ที่ต้องเสียภาษีนำเข้าสูงกว่าร้อยละ 15 ซึ่งรวมถึงหลายประเทศที่สหรัฐฯ ต้องพึ่งพาการนำเข้าอย่างมากสำหรับสินค้าหลากหลายประเภท ประเทศในกลุ่มนี้ได้แก่เวียดนาม และไต้หวันเจอภาษีร้อยละ 20 ส่วนไทยเผชิญภาษีร้อยละ 19 และอินเดียถูกเรียกเก็บภาษีร้อยละ 25 แต่สินค้าบางรายการของอินเดียจะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีกร้อยละ 25 ทำให้สินค้าเหล่านี้ต้องเสียภาษีมากถึงร้อยละ 50 เป็นการตอบโต้ของสหรัฐฯ ต่อการที่อินเดียยังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากประเทศคู่ค้า ส่งผลให้ความตึงเครียดระหว่างอินเดียกับสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยภาษีร้อยละ 25 ที่เพิ่มเข้ามาจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้
ส่วนประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษีร้อยละ 15 มีทั้งสิ้น 39 ประเทศ รวมถึงสหภาพยุโรป หรืออียู ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งล้วนแต่เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐฯ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั้งหมดจะถูกเรียกเก็บภาษีร้อยละ 10 ยกเว้นเม็กซิโก ที่ถูกเรียกเก็บภาษีร้อยละ 25 ส่วนแคนาดาถูกเรียกเก็บถึงร้อยละ 35 ยกเว้นสินค้าอยู่ในข้อตกลงการเสรีสหรัฐฯ–เม็กซิโก-แคนาดา หรือ นาฟตา ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษี
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศผ่านสื่อออนไลน์ Truth Social ของตนเองว่า เงินหลายพันล้านดอลลาร์กำลังไหลเข้าสหรัฐฯ นับตั้งแต่มาตรการภาษีรอบใหม่รอบมีผลเมื่อเวลาหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา ขณะที่นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย แถลงตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ว่า จะไม่ยอมประนีประยอมผลประโยชน์ของเกษตรกรชาวอินเดีย ต่อให้ต้องจ่ายราคาแพงเท่าใดก็ตาม เพราะความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกรคือสิ่งสำคัญที่สุด โดยที่ผ่านมา สหรัฐฯ และอินเดียเปิดเจรจาการค้ากันแล้วถึง 5 ครั้งแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ โดยอุปสรรคสำคัญอยู่ที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้อินเดียต้องเปิดตลาดสินค้าเกษตรและนม รวมถึงหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซียด้วย
ทั้งนี้ ในการทำข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่สหรัฐฯ จะตั้งเงื่อนไขให้ประเทศคู่ค้าต้องสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ได้แก่ น้ำมัน ยานยนต์ เครื่องบินโบอิ้ง อาวุธยุทโธปรกรณ์ รวมทั้งสินค้าเกษตร และยังจะต้องลงทุนในธุรกิจของสหรัฐฯ เป็นมูลค่ามหาศาล นอกจากนี้ ทรัมป์ยังระบุด้วยว่า จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิปและเซมิคอนดักเตอร์ในอัตราสูงถึง 100 % อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รัสเซียยืนยันแล้ว "ทรัมป์ พบ ปูติน" ในอีกไม่กี่วันจากนี้ หลังเจรจาคืบหน้า
- ทรัมป์จ้องจะยึดกรุง วอชิงตันดี.ซี. อ้างเมืองหลวงไม่ปลอดภัย สั่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิประจำการแล้ว
- ทรัมป์เพิ่มภาษีอินเดียอีก 25 เปอร์เซ็นต์ รวม 50 เปอร์เซ็นต์ สูงที่สุดในทุกชาติที่สหรัฐฯ เรียกเก็บ
- ทรัมป์อาจพบ ปูติน-เซเลนสกี เร็ว ๆ นี้ หลังส่งทูตพิเศษเจรจาออกมา "อย่างสร้างสรรค์"
- 3 เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ