ChatGPT เปิดตัวโหมดผู้ช่วยอัจฉริยะ ก้าวจากการเป็นแค่แชทบอท สู่การลงมือทำแทนผู้ใช้ได้
“เฮ้ AI ช่วยคิดและทำแทนฉันไปเลยนะ”
OpenAI ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับ ChatGPT ที่เรียกว่า agent mode (โหมดผู้ช่วยอัจฉริยะ) ที่จะทำให้ ChatGPT ไม่ได้เป็นเพียงแค่แชทบอทอัจฉริยะอีกต่อไป แต่สามารถลงมือทำสิ่งต่างๆ แทนผู้ใช้ได้ราวกับมีผู้ช่วยส่วนตัวทางดิจิทัล
จากเดิมที่เราสามารถใช้ AI เป็นผู้ช่วยโดยการคิด วิเคราะห์ เสนอไอเดีย หรือสรุปข้อมูลไปทีละส่วน ฟีเจอร์นี้จะทำให้ AI กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนได้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยสั่งให้ดำเนินการต่างๆ ได้หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น เช่น ขอให้ "ดูปฏิทินของฉัน แล้วสรุปการประชุมลูกค้าที่จะมาถึงจากข่าวล่าสุด" หรือ "วางแผนและซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นสำหรับ 4 คน" หรือ "วิเคราะห์คู่แข่ง 3 ราย แล้วสร้างสไลด์นำเสนอ"
ในการทำงานโหมดนี้ ChatGPT จะสามารถท่องเว็บไซต์ กรองผลลัพธ์ ดำเนินการล็อกอินอย่างปลอดภัยเมื่อจำเป็น รันโค้ด วิเคราะห์ข้อมูล และสร้างผลลัพธ์ในรูปแบบที่แก้ไขได้ เช่น สไลด์นำเสนอหรือสเปรดชีต เพื่อสรุปสิ่งที่ค้นพบ ซึ่งเป็นการรวมความสามารถของเครื่องมือเดิมของ OpenAI ทั้ง Operator (การโต้ตอบกับเว็บไซต์) Deep Research (การวิเคราะห์และสรุปข้อมูลเชิงลึก) และความสามารถในการสนทนา
อย่างไรก็ตาม OpenAI ได้เน้นย้ำว่าผู้ใช้งานจะยังมีบทบาทหลักในการต้องควบคุมการทำงานของ AI โดย ChatGPT จะขออนุญาตก่อนดำเนินการใดๆ เสมอ และผู้ใช้สามารถสั่งหยุด หรือเข้าควบคุมการทำงานได้ตลอดเวลา
แซม อัลต์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI กล่าวว่า "ผมจะอธิบายให้ครอบครัวของผมฟังว่า นี่คือสุดยอดเทคโนโลยีที่เป็นการทดลอง เป็นโอกาสที่จะได้ลองสัมผัสอนาคต แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่ผมจะใช้กับเรื่องที่มีความสำคัญสูง หรือใช้กับข้อมูลส่วนตัวจำนวนมาก จนกว่าเราจะได้ศึกษาและปรับปรุงมันในการใช้ในสถานการณ์จริง" โดยอัลต์แมนย้ำว่าผู้ใช้ต้องระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับ AI
ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้งานแผน Pro, Plus และ Team โดยผู้ใช้ Pro จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงภายในวันนี้ และผู้ใช้งาน Plus กับ Team จะทยอยเข้าถึงได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
OpenAI ชี้แจงว่า การเปิดตัวในครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนา และจะมีการปรับปรุงเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและความสามารถของ ChatGPT ต่อไปในระยะยาว
หลังมีการประกาศเปิดตัวฟีเจอร์นี้ คนจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจที่จะได้ลองใช้ AI ช่วยทำงานในขั้นที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความกังวลถึงความปลอดภัยต่อข้อมูลส่วนบุคคลหรือในอำนาจการเข้าถึงข้อมูลของ AI ด้วยเช่นกัน
อ้างอิงจาก