ลดเพดานหุ้น 15%...อุ้มขาใหญ่ถูก FORCE SELL / สุนันท์ ศรีจันทรา
จนถึงวันนี้ นักลงทุนยังไม่เลิกนินทา มาตรการชั่วคราวของตลาดหลักทรัพย์ ฯ โดยปรับเพดานขึ้นลงของราคาหุ้นจาก 30% เหลือ 15% ระหว่างวันที่ 23-27 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อป้องกันความผันผวนของตลาดหุ้น เพราะเป็นมาตรการเอื้อนักลงทุนรายใหญ่ที่กำลังถูกบังคับขายหุ้นหรือ FORCE SELL
มาตรการด่วนชั่วคราว ปรับเพดานขึ้นลงของราคาหุ้นเหลือ 15% เกิดขึ้นพร้อมกับ การบังคับขายหรือ FORCE SELL หุ้นที่นายมงคล ประกิตชัยวัฒนา นักลงทุนหุ้นมูลค่าเพิ่มหรือ V.I.รายใหญ่ที่ร่ำรวยไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ถืออยู่ 4 บริษัท จนราคาหุ้นร่วงติดฟลอร์ 2 วันซ้อน
ตลาดหลักทรัพย์ประกาศด่วน มาตรชั่วคราว ลดเพดานขึ้นลงของหุ้น หลังจากวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งสหรัฐโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่ง เพราะหวั่นเกรงว่า นักลงทุนจะตื่นตระหนก และพากันเทขายหุ้น เพื่อหลีกหนีผลกระทบ หากสงครามในตะวันออกกลางลุกลามบานปลาย
แต่การปลดเพดานขึ้นลงหุ้นเหลือ 15% ทำให้นายมงคลได้รับอานิสงส์ เพราะหุ้น 4 บริษัทที่นายมงคลถือหุ้นใหญ่อยู่ และใช้สินเชื่อเพื่อการซื้อหุ้นหรือมาร์จิ้น กำลังถูกบังคับขายพอดี
ประกอบด้วยหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC หุ้นบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG หุ้นบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC และหุ้น บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS
หุ้นทั้ง 4 บริษัทถูกบังคับขาย จนราคาทรุดติดฟลอร์ 15% สองวันติดต่อ คือระหว่างวันที่ 23-24 มิถุนายน ก่อนวันที่สาม ราคาหุ้นทั้ง 4 บริษัทจะเด้งขึ้น ทั้งที่เปิดการซื้อขายช่วงแรก ราคายังทรุดลงต่อ
เพราะภาวะตลาดหุ้นดีดกลับอย่างร้อนแรง เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศหยุดยิ่งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน และตลาดหลักทรัพย์ยกเลิกมาตรการในทันที โดยกลับมาใช้เพดานขึ้นลงของราคาหุ้น 30% ตามเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน
ถ้าตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช้มาตรการด่วนชั่วคราว ไม่ลดเพดานการขึ้นลงของราคาหุ้นเหลือ 15% หุ้น KTC หุ้น XPG หุ้น BEC และหุ้น TPS คงรูดติดฟลอร์ 30% ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน และถ้าติดฟลอร์ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง อาจจุดชนวนวิกฤต FORCE SELL รอบใหม่
เช่นเดียวกับวิกฤต FORCE SELL รอบก่อนที่เริ่มต้นจากการ FORCE SELL หุ้นกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งสร้างความเสียหายให้ในวงกว้าง ทั้งนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนรายใหญ่ที่ใช้มาร์จิ้น บริษัทโบรกเกอร์ที่มีปัญหาหนี้เสียมาร์จิ้น และภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนอย่างหนัก
มีคำถามว่า มาตรการชั่วคราว ลดเพดานขึ้นลงของราคาหุ้นเหลือ 15% เป็นผลมาจากความวิตกกังวลผลกระทบของสงครามอิสราเอลกับอิหร่านที่มีแนวโน้มลุกลาม
หรือมีเป้าหมายแอบแฝง เพื่อช่วยนักลงทุนรายใหญ่ ที่กำลังจะถูกบังคับขายหุ้น และช่วยบริษัทโบรกเกอร์ที่ปล่อยมาร์จิ้น จนอาจเกิดปัญหาหนี้เสียตามมาหรือไม่
วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน หลังจากสหรัฐถล่มโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน 3 แห่ง ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯมีการหารือในวาระเร่งด่วน และตกลงออกมาตรการชั่วคราว ลดเพดานขึ้นลงหุ้นเหลือ 15%
ตลาดหลักทรัพย์ฯอาจเห็นตัวเลขยอดมาร์จิ้นที่ปล่อยให้นักลงทุนรายใหญ่บางราย และประเมินได้ทันทีว่า จะเกิดการบังคับขายหุ้น ซึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดวิกฤตมาร์จิ้น และการบังคับขายหุ้นอาจลุกลามเป็นระบบลูกโซ่
สร้างความเสียหายทั้งนักลงทุนและบริษัทโบรกเกอร์
มาตรการชั่วคราวลดเพดานหุ้นเหลือ 15% จึงเป็นกระสุนนัดเดียวที่ใช้เพื่อปกป้องความผันผวนของตลาดหุ้น และป้องกันผลกระทบจากการบังคับขายหุ้น ซึ่งสร้างความเสียหายให้นักลงทุนทั้งหมด
ตลาดหลักทรัพย์คงไม่มีเป้าหมาย ผลักดันมาตรการด่วน เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนรายใหญ่ที่กำลังจะถูกบังคับขายหุ้นโดยตรง เพียงแต่ต้องการระงับยับยั้งผลกระทบที่จะเกิดกับนักลงทุนมากกว่า
แทนที่จะถูกนินทา ตลาดหลักทรัพย์ ฯ น่าได้รับคำชมเชยมากกว่า เพราะตื่นตัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน จึงออกมาตรการเร่งด่วนปกป้องนักลงทุนทันที
มาตรการเร่งด่วนลดเพดานหุ้น 15% สะท้อนถึงการแก้ปัญหาที่ฉับไวของผ้บริหารตลาดหลักทรัพย์ ฯ ชุดปัจจุบัน
ไม่ใช่นิ่งเฉย ไม่ทำอะไร ยามเมื่อตลาดหุ้นมีภัย เหมือนคณะผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ยุคก่อน ๆ
วิกฤต FORCE SELL ครั้งนี้ ผลกระทบจึงจำกัดวงเฉพาะหุ้น 4 บริษัทของนายมงคล ประกิตชัยวัฒนาเท่านั้น
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO