โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

จีนไม่มีสิทธิ์แทรกแซงจิตวิญญาณทิเบต! ‘องค์ทะไลลามะ’ ยืนยันก่อนวันเกิดครบ 90 ปี การสืบทอดต้องยึดตามจารีตเดิมเท่านั้น

TODAY

อัพเดต 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 21.40 น. • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • workpointTODAY

ตำแหน่ง ‘ทะไลลามะ’ ต้องสืบทอดผ่านการกลับชาติมาเกิดเท่านั้น องค์ทะไลลามะส่งสารชัดถึงจีน “ไม่มีใครมีสิทธิ์แทรกแซงจิตวิญญาณทิเบต”

การสืบทอดตำแหน่ง ‘องค์ทะไลลามะ’ ผู้นำสูงสุดทางจิตวิญญาณของพุทธศาสนานิกายทิเบต ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในช่วงหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์ทะไลลามะองค์ปัจจุบันเข้าสู่วัยชรา ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลจีนที่จะเข้ามาควบคุมกระบวนการสำคัญนี้

วันนี้ (2 ก.ค.) องค์ทะไลลามะองค์ที่ 14 ได้มีพระดำรัสเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนถึงวันคล้ายวันเกิดครบ 90 ปีของพระองค์ โดยทรงย้ำชัดว่า การสืบทอดตำแหน่งจะต้องเป็นไปตามขนบธรรมเนียมโบราณ และจะเริ่มต้นได้หลังพระองค์สิ้นพระชนม์เท่านั้น

พระองค์ยังย้ำด้วยว่า Gaden Phodrang Trust ซึ่งองค์กรไม่แสวงกำไรที่พระองค์ตั้งขึ้นมา จะเป็นองค์กรเดียวที่มีอำนาจในการค้นหาและรับรองการกลับชาติมาเกิดขององค์ทะไลลามะองค์ใหม่ โดยกระบวนการจะต้องเป็นไปตามพิธีกรรมดั้งเดิม เช่น การตรวจสัญญาณ การทดสอบ และการปรึกษากับผู้นำศาสนา รวมถึง ผู้พิทักษ์ธรรม (Dharma Protectors)

ถ้อยแถลงนี้ไม่ใช่แค่การประกาศในเชิงศาสนา แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณต่อต้านความพยายามของรัฐบาลจีน ที่ต้องการเข้าควบคุมกระบวนการสืบทอดผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของชาวทิเบต ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งต่ออัตลักษณ์ วัฒนธรรม และความหวังของประชาชนทิเบตทั่วโลก

จากผู้นำรัฐ สู่ศูนย์รวมจิตวิญญาณของผู้ลี้ภัย

‘องค์ทะไลลามะ’ เป็นที่เคารพบูชาของชาวพุทธนิกายทิเบตในฐานะองค์อวตารของ พระอวโลกิเตศวร (Avalokiteshvara) หรือ ‘เชนเรซิก’ เทพโพธิสัตว์แห่งความเมตตา ผู้ปกป้องทิเบต สถาบันนี้มีรากฐานตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 และมีการสืบทอดตำแหน่งทะไลลามะแล้ว 14 องค์

นับตั้งแต่อดีต สถาบันทะไลลามะมีบทบาทสำคัญทั้งทางศาสนาและการเมืองมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1642 องค์ทะไลลามะได้ทำหน้าที่ทั้งเป็นประมุขทางการเมืองและผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต

แต่สถานะนี้เปลี่ยนไปในยุคของทะไลลามะองค์ที่ 14 ซึ่งเป็นองค์ปัจจุบัน เมื่อพระองค์เลือกสละอำนาจทางการเมืองในปี 2011 และโอนบทบาทดังกล่าวให้แก่รัฐบาลทิเบตพลัดถิ่นที่มาจากการเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตย

แม้จะวางมือจากบทบาททางการเมืองโดยตรง แต่อิทธิพลทางจิตวิญญาณขององค์ทะไลลามะยังคงลึกซึ้งอย่างมากต่อชาวทิเบต โดยเฉพาะในฐานะ ศูนย์รวมจิตวิญญาณและความหวังของผู้ลี้ภัย ที่ต้องพลัดพรากจากแผ่นดินเกิด

นอกจากนี้องค์ทะไลลามะ องค์ปัจจุบันยังเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก ในฐานะสัญลักษณ์ของสันติภาพและการต่อสู้ด้วยสันติวิธี โดยพระองค์ได้รับ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 1989 จากการต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวทิเบตด้วยแนวทางอหิงสา

ตามความเชื่อของชาวพุทธทิเบต การสืบทอดตำแหน่งของทะไลลามะมีความพิเศษอย่างยิ่ง เมื่อทะไลลามะองค์หนึ่งสิ้นพระชนม์ วิญญาณของท่านจะกลับชาติมาเกิดใหม่ในร่างของเด็กคนหนึ่ง ซึ่งจะมีการดำเนินกระบวนการค้นหาผู้สืบทอดอย่างละเอียดอ่อนตามพิธีกรรมโบราณ

กระบวนการนี้ต้องอาศัยการทดสอบ ตรวจสอบสัญญาณ และการปรึกษากับลามะอาวุโสและ “ผู้พิทักษ์ธรรม (Dharma Protectors)” ซึ่งมีพันธะสัตยาบันต่อสายสืบทอดของทะไลลามะ ทั้งหมดนี้จะดำเนินการโดย Gaden Phodrang Trust ซึ่งองค์ทะไลลามะย้ำว่า “ไม่มีใครอื่นมีสิทธิ์แทรกแซงกระบวนการนี้”

เส้นทางชีวิตขององค์ทะไลลามะองค์ที่ 14

องค์ทะไลลามะองค์ที่ 14 ประสูติเมื่อปี ค.ศ. 1935 โดยมีนามเดิมว่า ลฮาโม ดอนดุป (Lhamo Dhondup) ในครอบครัวชาวนาในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทิเบต

เมื่ออายุเพียง 2 ขวบ ท่านได้รับการระบุว่าเป็นภาคกลับชาติมาเกิดของทะไลลามะองค์ก่อนหน้า คือ ทุบเต็น กยาโซ (Thubten Gyatso) และในปี 1940 ท่านได้เข้าสู่พระราชวังโปตาลา (Potala Palace) และได้รับการประกาศให้เป็นทะไลลามะองค์ใหม่ในพระนาม “เต็นซิน กยาโซ” (Tenzin Gyatso)

พระองค์ทรงศึกษาอย่างเข้มข้นด้านปรัชญาพุทธศาสนาและจารีตสงฆ์ทิเบต ก่อนจะเผชิญเหตุการณ์สำคัญในปี 1959 เมื่อกองทัพจีนเข้าสู่ทิเบต ทำให้พระองค์ต้องลี้ภัยไปอินเดียพร้อมผู้ติดตาม และประทับอยู่ในธรรมศาลาจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบัน พระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก และเป็นที่เคารพของศาสนิกชนจากหลากหลายศาสนา แม้พระองค์จะกล่าวอย่างถ่อมตนว่า “ข้าพเจ้าเป็นเพียงพระสงฆ์ธรรมดารูปหนึ่ง”

จีนกับความพยายามแทรกแซงการสืบทอดบัลลังก์ธรรม

องค์ทะไลลามะไม่เพียงเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวทิเบต แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของอัตลักษณ์และการต่อสู้เพื่อเสรีภาพมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่ทรงมีบทบาททางการเมือง

หลังปี 1950 ที่จีนประกาศให้ทิเบตเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ รัฐบาลจีนมองว่าสถาบันทะไลลามะเป็นศูนย์รวมอิทธิพลที่อาจกระทบต่อความมั่นคง จึงพยายามควบคุมการสืบทอดโดยอ้างกฎหมายศาสนา และคำสั่งรัฐบาลหมายเลข 5 ปี 2007 ซึ่งกำหนดว่า การกลับชาติมาเกิดของผู้นำศาสนาต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลกลาง

จีนยังแต่งตั้ง ‘ปันเชนลามะ’ (Panchen Lama) ขึ้นในแบบของตน โดยอ้างว่าจะมีบทบาทในการค้นหาทะไลลามะองค์ถัดไป อย่างไรก็ตาม นักวิชาการและชาวทิเบตพลัดถิ่นมองว่าเป็นการใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทางการเมืองมากกว่าจะยึดตามจารีตศรัทธา

เสียงเรียกร้องจากชาวทิเบต สู่การปกป้องสถาบันทะไลลามะ

ความพยายามควบคุมสถาบันทะไลลามะของจีนถูกมองว่าเป็นการ แทรกแซงทางจิตวิญญาณ ที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมประชากรทิเบต และลบล้างอัตลักษณ์ของดินแดนที่เคยมีเอกราชและวัฒนธรรมเฉพาะตนอย่างชัดเจน

ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา องค์ทะไลลามะได้รับจดหมายและข้อความจากผู้นำศาสนา สมาชิกสภาทิเบตพลัดถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชน และชาวพุทธทั่วโลก รวมถึงชาวทิเบตในประเทศ ที่เรียกร้องให้สถาบันทะไลลามะดำรงอยู่ต่อไป

เสียงสะท้อนเหล่านี้นำไปสู่พระดำรัสสำคัญก่อนวันเกิดครบ 90 ปี ว่า “สถาบันทะไลลามะจะยังดำรงอยู่” และจะไม่ยอมให้บุคคลหรือรัฐบาลใดแทรกแซงกระบวนการศักดิ์สิทธิ์นี้

‘จีน’ โต้ทันควัน ย้ำผู้สืบทอดทะไลลามะต้องมาจากการจับสลากเท่านั้น

ภายหลังถ้อยแถลงขององค์ทะไลลามะได้รับการเผยแพร่ออกมาในวันนี้ (2 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาตอบโต้ทันที โดยระบุว่า

“การระบุทะไลลามะองค์ถัดไปต้องใช้ระบบจับสลากชื่อขึ้นมาจากภาชนะทองคำ (lot-drawing system) ตามธรรมเนียมตั้งแต่ปี 1792 ซึ่งเคยใช้เลือกทะไลลามะ 3 องค์ก่อนหน้า”

จีนอ้างว่าพิธีนี้เป็น “รูปแบบเฉพาะของศาสนาพุทธทิเบต” และสะท้อน “เสรีภาพทางศาสนา” ภายใต้กฎหมายของจีน พร้อมย้ำว่าการสืบทอดทุกกรณีต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลกลาง

อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์จำนวนมากมองว่าจีนใช้พิธีดังกล่าวเพื่อควบคุมทิศทางศาสนาในทิเบต และกำหนดผู้นำจิตวิญญาณตามเป้าหมายทางการเมืองของรัฐ แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหานี้โดยอ้างว่า ทุกอย่างเป็นไปตามประวัติศาสตร์และกฎหมาย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TODAY

เอาใจแชมป์สายตื้อ ‘LYKN’ คัมแบ็คส่ง ‘น้ำหยดลงหิน (DRIP)’ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก

15 นาทีที่แล้ว

รู้จัก ‘THX’ เกิร์ลกรุ๊ปพลังไร้ขีดจำกัด ที่ไม่หยุดวิ่งตามฝัน

39 นาทีที่แล้ว

เปิดวนไม่พักกระแส ‘Soda Pop’ เพลงไวรัลจากหนัง ‘KPop Demon Hunters’ ที่ใครๆ ก็ชอบฟัง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ถอดรหัสเบื้องหลัง การผนึกพลังข้ามชาติของ สยามพิวรรธน์ และ Huawei ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

จีนเผชิญภาวะมะเร็งในผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ภาครัฐยกระดับการดูแล

เดลินิวส์

วัยรุ่นออสเตรเลีย ดับสลด กระโดดลังกาหลังฉลอง พลาดท่าหัวฟาดพื้น

Thaiger

‘รัสเซีย’ เซ็นรับรอง ‘ตาลีบัน’ อย่างเป็นทางการ ชาติแรกของโลกที่ยอมรับรัฐบาลอัฟกันฯ ยุคใหม่

THE STATES TIMES

เกาหลีใต้แก้เนื้อหากฎอัยการศึก ห้ามทหาร-ตำรวจเข้าสภาโดยพลการ

เดลินิวส์

หนุ่มร่างใหญ่เผยประสบการณ์สุดระทึก โดนดูดลงท่อระบายน้ำยาวกว่า 150 เมตรระหว่างลุยน้ำท่วม

เดลินิวส์

เมียนมาปลด “ทหารเด็ก” 93 คน หลังยูเอ็นแฉปมเกณฑ์ผู้เยาว์กว่า 480 คนร่วมทัพ

Khaosod

ดราม่ารูปพ่อ-ลูกน้อย ถ่ายเห็นแค่ช่วงขา แต่จุดกระแสวิจารณ์เดือด บิดาผู้เป็น "ตัวอย่างที่แย่"

sanook.com

ญี่ปุ่น หมีอาละวาดบุกบ้าน ทำร้ายหญิงชราวัย 81 เสียชีวิตคาบ้าน ลูกชายร่ำไห้พบศพ

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

แบรนด์จีนตีตลาดโลก ลบภาพจำรับจ้างผลิต สู่ฮีโร่โปรดักส์ Created in China

TODAY

‘ตีนไก่’ อาวุธลับสงครามการค้า วัดใจ ‘จีน-สหรัฐฯ’ ใครแพ้ ใครชนะ สมรภูมินี้

TODAY

‘Golden Dome’ โล่ป้องกันขีปนาวุธให้สหรัฐฯ หรือ จุดเริ่มต้นสงครามอวกาศ ?

TODAY
ดูเพิ่ม
Loading...