ประวัติเส้นทางชีวิตลูกหนัง ดิโอโก้ โชต้า แด่การจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เปิดประวัติเส้นทางชีวิตลูกหนัง ดิโอโก้ โชต้า แด่การจากไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังประสบปุบัติเหตุเสียชีวิต ในวัย 28 ปี

เป็นข่าวอันแสนเศร้าที่ทุกคนไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริง กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ ดิโอโก้ โชต้า นักเตะทีมชาติโปรตุเกส ของสโมสรลิเวอร์พูล

ภายหลังนักเตะในวัยเพียงแค่ 28 ปี รายนี้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 กรกฎาคม 2025 (ตามเวลาท้องถิ่น) ของซาโมร่า จังหวะในประเทศสเปน จากเหตุการที่รถแลมโบกินี่ ยางแตกในจังหวะที่กำลังจะเดินคันเร่งแซงคันข้างหน้า ส่งผลให้รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำ จนก่อเกิดไฟลุกไหม้

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่ามีชาย 2 ราย ติดอยู่ในรถคันดังกล่าวและไม่สามารถพาตัวเองออกมาได้ จึงพยายามเรียกหน่วยกู้ภัยเข้าช่วยเหลือ แต่ก็สายเกินไป ชายทั้ง 2 รายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบและทราบชื่อผู้เคราะห์ร้ายภายหลังว่าเป็น ดิโอโก้ โชต้า และ อันเดร ซิลวา น้องชายของเขา

บทความนี้จะพาทุกท่านย้อนรำลึกถึงชีวิต เส้นทางอาชีพ สไตล์การเล่นอันเป็นเอกลักษณ์ และผลงานความสำเร็จที่ ดิโอโก้ โชต้า ได้ฝากไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนัง ก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนคืน

ประวัติส่วนตัว ดิโอโก้ โชต้า

ดิโอโก้ โชเซ่ เตเซร่า ดา ซิลวา (Diogo José Teixeira da Silva) เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 1996 ณ เมืองมาซาเรลอส (Massarelos) ประเทศโปรตุเกส เขาเติบโตมาพร้อมกับความหลงใหลในฟุตบอลตั้งแต่วัยเด็ก และเริ่มต้นเส้นทางสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพด้วยการเข้าร่วมศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสร กงดอมาร์ (Gondomar) ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมเยาวชนของสโมสรฟือร์ไรร่า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพค้าแข้ง

เส้นทางอาชีพค้าแข้ง ดิโอโก้ โชต้า

เส้นทางลูกหนังของ ดิโอโก้ โชต้า ดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวาแต่เต็มไปด้วยพัฒนาการที่มีอย่างต่อเนื่อง โชต้า ได้รับการผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ ฟือร์ไรร่า ในปี 2014 และสร้างผลงานโดดเด่นจนกลายเป็นกำลังสำคัญของทีม เพียงไม่นานเขาก็ตกเป็นที่จับตามองของสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป

ในปี 2016 โชต้า ตัดสินใจย้ายเข้าร่วมทีมแอตเลติโก มาดริด สโมสรชั้นนำของศึกลาลีกา สเปน แต่เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนักในทีมชุดใหญ่ และถูกส่งออกไปหาประสบการณ์ในรูปแบบยืมตัวกับทีมในบ้านเกิดอย่าง เอฟซี ปอร์โต้

การย้ายกลับไปเล่นในลีกโปรตุเกส ถือเป็นจุดที่ทำให้เขาคืนฟอร์มเก่งของตัวเองออกมาและทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ยิงประตูได้อย่างสม่ำเสมอ และพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพที่เขามีอีกครั้ง

เข้าสู่ฤดูกาล 2017-2018 โจต้า ยังถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัว แต่หนนี้จุดหมายต่อไปของเขาคือประเทศอังกฤษ กับสโมสรวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่ตอนนั้นยังเล่นในลีกแชมเปียนชิพ และนี่แห่งนี้เองคือจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพนักฟุตบอลของเขาไปตลอดกาล

โชต้า ระเบิดฟอร์มได้อย่างร้อนแรง เป็นกำลังสำคัญในการพาต้นสังกัดเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ภายใต้การคุมทีมของ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต จากนั้น วูล์ฟแฮมป์ตัน ก็ตัดสินใจซื้อขาดกองหน้ารายนี้มาร่วมทีม

การได้โอกาสลงสนามในเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำให้ชื่อของ ดิโอโก้ โชต้า เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น หลังจากที่ยังโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมได้ แม้จะเป็นการเลื่อนชั้นมาเล่นในระดับลีกสูงสุด แต่เขาก็ยังเป็นแนวรุกที่มีความอันตราย

ด้วยผลงานอันโดดเด่นกับวูล์ฟแฮมป์ตัน ทำให้ทัพ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอมทุ่มเงินกว่า 41 ล้านปอนด์ คว้าตัวเขามาร่วมทีมในปี 2020 การย้ายมาลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำให้โชต้าได้พัฒนาฝีเท้าไปอีกขึ้น

เขากลายเป็นนักเตะ "ซูเปอร์ซับ" และเป็นผู้เล่นที่มีอิทธิพลต่อเกมอย่างมาก โดยเฉพาะการลงมาเป็นไพ่เด็ดจากการทำประตูสำคัญๆในช่วงเวลาคับขัน เขาคือกำลังสำคัญที่เข้ามาเติมเต็มแนวรุกของลิเวอร์พูล และกลายเป็นที่รักของแฟนบอลจากความทุ่มเทในสนาม

ดิโอโก้ โชต้า เป็นนักฟุตบอลที่มีความสามารถรอบด้านในแนวรุก เล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นปีกซ้าย ปีกขวา หรือกองหน้าตัวเป้า สไตล์การเล่นที่โดดเด่นของเขาคือการเคลื่อนที่หาพื้นที่ว่าง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งตัดหลังแนวรับ หรือการสอดขึ้นไปในกรอบเขตโทษ เป็นนักเตะที่มีความเข้าใจในเกมสูง

บวกกับความเฉียบคมในจังหวะจบสกอร์ ด้วยสัญชาตญาณกองหน้าที่เต็มเปี่ยม เขาสามารถยิงประตูได้ทั้งสองเท้า แถมมีทีเด็กจากลูกโหม่ง ที่แม้รูปร่างส่วนสูงจะเสียเปรียบ แต่เป็นคนที่กะจังหวะโหม่งลูกกลางอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม หลายครั้งที่เขามักจะลงมาเปลี่ยนเกมด้วยการทำประตูสำคัญ

ภายใต้ระบบของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เขายังตอบโจทย์ด้วยการแสดงให้เห็นถึงความขยันในการวิ่งไล่บอลและการเพรสซิ่งคู่ต่อสู้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุกของลิเวอร์พูล

แม้จะไม่ใช่ผู้เล่นที่เน้นการเลี้ยงบอลหวือหวา แต่เขามีทักษะในการเลี้ยงบอลเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆ และสามารถพาบอลไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ในแดนบน ด้วยความสามารถที่เล่นได้ทั้งตัวสร้างสรรค์เกมและตัวจบสกอร์ ทำให้เขากลายเป็นส่วนสำคัญในระบบการเล่น

ตลอดเส้นทางอาชีพ ดิโอโก้ โชต้า ได้ร่วมสร้างความสำเร็จมากมาย ดังต่อไปนี้

ในนามสโมสร

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

- แชมป์ EFL Championship (2017–18)

ลิเวอร์พูล

- แชมป์ EFL Cup (คาราบาว คัพ) (2021–22)

- แชมป์ FA Cup (เอฟเอ คัพ) (2021–22)

- แชมป์ FA Community Shield (คอมมูนิตี้ ชิลด์) (2022)

- รองแชมป์พรีเมียร์ลีก (2021-22, 2022-23)

- รองแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก (2021-22)

- แชมป์พรีเมียร์ลีก (2024-25)

ในนามทีมชาติโปรตุเกส

- แชมป์ UEFA Nations League (2018-19 และ 2024-25)

และนี่คือสถิติที่น่าจดจำตลอดการเป็นนักฟุตบอลของชายที่ชื่อ ดิโอโก้ โชต้า "ซูเปอร์ซับ" แห่งแอนฟิลด์

- ในฤดูกาล 2021-22 ดิโอโก้ โชต้า เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดเมื่อถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง

- เขาสามารถทำประตูแรกให้กับลิเวอร์พูล ได้ตั้งแต่เกมประเดิมสนามพรีเมียร์ลีก นัดแรก ที่พบกับ อาร์เซนอล ในเดือนกันยายน 2020

- โชต้า มีความสามารถในการทำประตูได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งเท้าซ้าย เท้าขวา และลูกโหม่ง ทำให้เป็นกองหน้าที่คาดเดายาก

- เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีอัตราการเปลี่ยนโอกาสที่ได้รับให้เป็นประตูได้สูงอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของกองหน้าชั้นยอด

- ดิโอโก้ โชต้า มักจะทำประตูสำคัญในรายการฟุตบอลถ้วยต่างๆ ที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์มาได้ ไม่ว่าจะเป็น EFL Cup หรือ FA Cup

ส่วนบุคลิกนอกสนาม โชต้า ไม่เคยมีข่าวด้านลบออกมาเลย ด้วยความที่เป็นคนมีบุคลิกเงียบขรึม สุภาพ และทุ่มเทเต็มที่กับการฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างเป็นมืออาชีพทั้งในและนอกสนาม

นอกจากฟุตบอลแล้ว ดิโอโก้ โชต้า ยังเป็นผู้เล่น eSports ที่มีความสามารถในเกม FIFA (EA Sports FC) เขาเคยคว้าแชมป์รายการแข่งขันระดับสูง และเป็นเจ้าของทีม eSports ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันและความมุ่งมั่นในสิ่งที่เขาหลงใหล

ที่น่าสะเทือนใจที่สุดกับข่าวการเสียชีวิตของเขา เพราะมันเกิดขึ้นเพียงแค่ 10 วัน หลังจากที่เขาเพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกับ Rute Cardoso คู่หมั้นที่คบหากันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ตอนทั้งคู่อายุ 16 ปี โดยเขามีลูกน้อยด้วยกัน 3 (ชาย 2 หญิง 1) มันยิ่งเหตุการณ์นี้สร้างความโศกเศร้าเป็นทวีคูณ

การจากไปของ ดิโอโก้ โชต้า ในวัยเพียง 28 ปี เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับวงการฟุตบอล เขาเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กรุ่นหลัง เป็นนักฟุตบอลที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ ความสามารถ และความมุ่งมั่น ที่พิสูจน์ตัวเองในทุกระดับการแข่งขัน ด้วยสไตล์การเล่นที่น่าตื่นเต้น และความทุ่มเทในสนาม เขาได้ฝากความทรงจำอันล้ำค่าไว้ในใจของแฟนบอลทั่วโลก

การจากไปของเขาเป็นเครื่องเตือนใจถึงความไม่แน่นอนของชีวิต ดั่งสัจธรรมที่ว่า "คนเราไม่จากเป็นก็จากตาย" แต่ที่มันช่างโหดร้ายคือมาในรูปแบบที่เราไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ และมันเร็วเกินไปกับการสูญเสียครั้งนี้ ขอแสดงความอาลัยแด่การจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ดิโอโก้ โชต้า 3 July 2025

ข่าวที่เกี่ยวข้อง