ผู้ช่วย รมต.กต. พาทูตลงพื้นที่ชายแดน ย้ำกัมพูชาโจมตีอาวุธหนัก
1 ส.ค. 2568 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการร่วมนำคณะทูต และผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร รวมถึงคณะสื่อมวลชนต่างประเทศ ลงพื้นที่สังเกตการณ์พื้นที่พลเรือนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการโจมตีเป้าหมายพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยจรวด BM-21 ของกองกำลังกัมพูชา
เริ่มจากร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมัน ที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีอย่างหนักเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568 ส่งผลให้พลเรือนที่ไม่มีอาวุธใด ๆ เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 15 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบด้วย
รวมถึงยังมีเหตุปะทะตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง บางแห่งโดนอาวุธโจมตีเกิดความเสียหาย เช่น โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา และหลายแห่งมีจรวด อาวุธสงครามตกใกล้โรงพยาบาล และอยู่ในระยะรัศมีการโจมตี จึงจำเป็นต้องปิดหรือลดบริการ และอพยพผู้ป่วยเพื่อความปลอดภัย ทั้งที่โรงพยาบาลเป็นสถานที่ปลอดภัย ซึ่งการกระทำของกัมพูชา ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาเจนีวาอย่างร้ายแรง และเชื่อว่าข้อเท็จจริงที่คณะทูตตลอดจนสื่อมวลชนจำนวนมากที่มาร่วมในวันนี้จะถูกนำไปเผยแพร่ให้ประชาคมโลกเข้าใจในวงกว้างต่อไป
อย่างไรก็ตามในวันจันทร์ที่ 4 ส.ค. นี้ กระทรวงการต่างประเทศจะเชิญคณะทูตานุทูตต่างประเทศและสื่อมวลชนต่างประเทศประจำประเทศไทย เพื่อชี้แจงย้ำถึงสถานการณ์ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงภายในสัปดาห์หน้า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะประชุมเอกอัครราชทูตไทย กงสุลใหญ่ไทย และผู้แทนประเทศไทยในต่างประเทศ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ และติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมโลกอีกช่องทางหนึ่ง