ไร้ทางรอด-หมดตัวเลือก "อวสาน" เพื่อไทย "แพทองธาร-ชัยเกษม"
ภายในเดือนส.ค.นี้จะเป็นนัด “ชี้ชะตา” อนาคตทางการเมืองของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ว่าจะ “รอด” หรือ “ร่วง” จากตำ แหน่งนายกฯคนที่ 31หรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมาจากคลิปสนทนาระหว่าง “แพทองธาร” กับ “ฮุน เซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตามคำร้อง 36 สว. อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และศาลฯได้นัดพิจารณาคดีดังกล่าวเพื่อกำหนดอ่านคำวินิจฉัย 29 ส.ค.นี้
มีการคาดการณ์ว่า การอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากจะส่งผลสะเทือนโดยตรงต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเสถียรภาพของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังกระทบต่อ “ตระกูลชินวัตร” โดยตรง ที่สำคัญอาจจะทำให้ทิศทางทางการเมืองไทย และอนาคตของ “แพรทองธาร” ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย
คดีใกล้งวดสมาชิกพรรคเพื่อไทย เก็บอาการไม่อยู่ สะท้อนผ่านคำพูดของ “นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เมื่อวานนี้ ( 12 ส.ค.)ว่า อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญชะลอการพิจารณาคดีดังกล่าวไว้ก่อนและขอให้ยกเลิกคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพื่อให้กลับมามีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินในช่วงภาวะวิกฤตและควรหยุดคดีนายกรัฐมนตรีไว้สัก 6 เดือน เมื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านไปแล้วค่อยนัดตัดสินคดีอีกครั้ง
ผลสำรวจนิด้าโพล ล่าสุดในประเด็น “ปกป้องผลประโยชน์ชาติ” ในกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย-เขมร คือ อีกนัยหนึ่งเป็นภาพสะท้อนทางการเมืองได้ดีเมื่อโพล ชี้ว่าประชาชนกว่า 75.73 % “ไว้วางใจกองทัพ” และ “ค่อนข้างไว้วางใจ” อีก 19.31%
ขณะที่มีประชาชนเพียง 4.66 % ไว้วางรัฐบาลเพื่อไทยมาก และอีก 11.54 ที่ค่อนข้างไว้วางใจ ในทางกลับกันผลโพลชี้ว่า มีประชาชน 45.58 % ระบุว่า “ไม่ไว้วางใจรัฐบาลเลย” และ “ไม่ค่อยไว้วางใจ” อีก 29.01 % นอกจากนี้ ร้อยละ27.10 % ระบุว่า ควรเปลี่ยนรัฐบาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ท่ามกลางข่าวลือ “แพทองธาร” ถอดใจยอมลาออก หลังงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ผ่านสภาผู้แทนราษฎรและก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ชะตา แต่ “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อและประธาน สส.พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า “แพทองธาร” จะไม่ลาออกจากตำแหน่งเพราะไม่รู้จะลาออกทำไม
“ เจอนายกฯ ยืนยันว่า ท่านไม่ลาออก …วันนี้นายกฯก็มาสภาให้กำลังใจการทำงานของกรรมาธิการงบฯและสส. … ส่วนกำลังใจของคนในพรรคฯยังดีเต็มเปี่ยมเชื่อมั่นว่านายกฯบริสุทธิ์และมีเจตนาดีต่อชาติบ้านเมือง” คำยืนยันของสส.เพื่อไทย
หากพลิกดู “ตัวเต็ง” พรรคการเมืองที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯของ “เพื่อไทย” ในกรณีที่ “แพทองธาร” ต้องหลุดจากตำแหน่งไม่ว่าจะลาออกเองหรืออาจถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ต้องไม่ลืมว่าพรรคสีแดงยังมี “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายกฯ “ขัดตาทัพ” ให้อีกช่วงหนึ่ง ยื้ออยู่ให้ครบอีกปีกว่า ๆ รอจนโอกาสพร้อมแล้วจึงประกาศ “ยุบสภา” ล้างไพ่การเมืองใหม่
ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โควตา ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ในสถานะองคมนตรีในปัจจุบันคงไม่กลับมาอยู่ในวังวนนี้อีกแล้ว ส่วน “อนุทิน ชาญวีระกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยซึ่งอยู่ในฐานะพรรคฝ่ายค้านและผู้นำตัวจริงของพรรคเพื่อไทย “ทักษิณ ชินวัตร” คงไม่มีทางรอมชอมและยอมให้กลับมา “ศึกเขากระโดงและที่ดินอัลไพน์”ชี้ให้เห็นชัดเจน
ดังนั้นชื่อของ “ชัยเกษม” จึงถูกเพื่อไทย “ปัดฝุ่น” และนำออกมาใช้ แม้ว่าสส.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่เพื่อความอยู่รอดต่อไปอีกเฮือกหนึ่งก่อนจะแยกย้ายจึงจำต้องวางเฉย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ชัยเกษม” เคยมีตำหนิทางการเมืองในหลายประเด็นเมื่อครั้งเป็นอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง “ทักษิณ” ในคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ฟ้องในคดีโครงการสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว หรือหวยบนดินและคำสั่งไม่ฟ้องการทุจริตในโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาบริหารประเทศและแต่งตั้ง “ชัยเกษม” เป็น รมว.ยุติธรรม
และการแสดงจุดยืนกรณีมาตรา 112 เขียนจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษทางความคิดที่เห็นต่างทางการเมืองช่วงที่ม็อบราษฎรเคลื่อนไหวโดยหนึ่งในข้อเรียกร้อง คือ ยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง
แม้การ “อยู่ต่อ” ของพรรคเพื่อไทยจะไปได้ หาก “ทักษิณ” เปิดไฟเขียว “ชัยเกษม” ให้เข้ามา ขณะที่พรรคการเมืองใหม่ ๆ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วง “ฟอร์มทีม” ยังไม่พร้อมลงสนามไม่ว่าจะเป็น “พรรคกล้าธรรม” พันธมิตรของ “โอกาสใหม่” พรรคฯที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของ “สารัชต์ รัตนะนาวดี” ประธานกรรมการบริหารกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ก็มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจ
มีการวิเคราะห์ว่า พรรคการเมืองใหม่กลุ่มดังกล่าว ยังต้องการให้ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต่อไป แม้ว่านายกฯจะไม่ได้ชื่อ “แพทองธาร”และเป็น “ชัยเกษม”ก็พร้อมให้การสนับสนุนเพื่อรอจังหวะกวาดสส.เพื่อไทยให้เข้ามาอยู่ในซุ้มการเมือง ดังนั้น การตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย “ชัยเกษม 1” จึงมีโอกาสสูงมาก
ในขณะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.-12 ส.ค.2568 มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลมากกว่า 10 นาย มีคำถามว่า ตามมาว่า หาก“ชัยเกษม” เป็นนายกฯประเทศไทยจะได้อะไร โดยเฉพาะการแก้ปัญหาชาย แดนไทย-กัมพูชา และจะมีหลักประกันใดว่า “ชัยเกษม” จะไม่ถูกบงการจาก “พรรคเพื่อไทย -ทักษิณ” และพรรคเพื่อไทยจะไม่ถูกอดีตนายกกัมพูชา อย่าง “ฮุน เซน” ข่มขู่ แบล็กเมล หรือนำข้อมูลอื่น ๆ มาเปิดโปงอีก
หากเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น “แพทองธาร” หรือ “ชัยเกษม” และสิ่งที่ประชาชนจะได้ไม่ใช่ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงของรัฐที่ควรจะเป็น แต่คือ รัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงของประเทศ
อ่านข่าว
Gripen E/F อำนาจแห่งเวหา ปกป้อง "อธิปไตย" เหนือน่านฟ้าไทย
“ใครได้-ใครเสีย” ชำแหละ 13 ข้อตกลงหยุดยิง “ไทย-กัมพูชา”