“กองทุนหุ้นสหรัฐ” ไหลออกต่อเนื่องเดือนที่ 3 นักลงทุนหนี เหตุกังวลเศรษฐกิจ-ดอลลาร์อ่อน
เดือนกรกฎาคม กองทุนหุ้นนอกสหรัฐ ดูดเม็ดเงิน 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงสุดตั้งแต่ปี 2021 ขณะ กองทุนหุ้นสหรัฐ ไหลออกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เหตุนโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ลดเสน่ห์ตลาด-ดอลลาร์อ่อน
วันที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลา 11.11 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กองทุนหุ้นนอกสหรัฐ (Global ex-U.S. equity funds) ได้รับเงินไหลเข้าสูงสุดในรอบกว่า 4 ปีครึ่งในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากนักลงทุนปรับย้ายเงินทุนออกจากตลาดสหรัฐ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ มูลค่าหุ้นที่อยู่ในระดับสูงเกินจริง และการอ่อนค่าของดอลลาร์
กองทุนประเภทนี้เริ่มเห็นเงินไหลเข้ามาตั้งแต่ต้นปี หลังนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลลดความน่าสนใจของตลาดสหรัฐ อย่างไรก็ตามการเร่งตัวของเงินไหลเข้าในเดือนกรกฎาคมบ่งชี้ถึงแนวโน้มการกระจายความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเข้าสู่ตลาดยุโรปและตลาดเกิดใหม่ซึ่งได้แรงหนุนจากสภาพการเงินที่ผ่อนคลายและแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น
ข้อมูลจาก LSEG Lipper ระบุว่า กองทุนหุ้นนอกสหรัฐมีเงินไหลเข้า 13.6 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม สูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 ตรงกันข้ามกับกองทุนหุ้นที่เน้นสหรัฐฯ ซึ่งมีเงินไหลออก 6.3 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นการไหลออกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
Derek Izuel ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Shelton Capital Management กล่าวว่า แม้การผ่อนคลายมาตรการภาษีจะเป็นแรงหนุนในไตรมาส 2 แต่การเจรจาการค้าที่ไม่คืบหน้าและเส้นตายเชิงนโยบายที่ใกล้เข้ามาในช่วงต้นไตรมาส 3 ยังคงเป็นความเสี่ยงต่อไป “ความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้ออาจกระตุ้นให้เกิดการไหลออกจากหุ้นสหรัฐอีก โดยเฉพาะหากช่องว่างการเติบโตระหว่างภูมิภาคแคบลง หรือธนาคารกลางสหรัฐ ยังคงใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัว”
ปัจจัยอีกประการที่หนุนการไหลออกจากหุ้นสหรัฐ คือผลการดำเนินงานที่แตกต่างกัน โดยดัชนี MSCI Asia Pacific ex-Japan ปรับขึ้นราว 14% และดัชนี MSCI Europe ปรับขึ้นกว่า 19% ตั้งแต่ต้นปี แซงหน้าการปรับขึ้น 7.2% ของ S&P 500 นอกจากนี้ดอลลาร์ยังอ่อนค่าราว 10% ในปีนี้ ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากตลาดต่างประเทศสำหรับนักลงทุนสหรัฐ
Jim Smigiel ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ SEI ระบุว่า แม้การกระจายการลงทุนทั่วโลกยังคงเป็นจุดโฟกัสสำคัญ แต่เร็วเกินไปที่จะสรุปว่าการไหลเข้าครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง “เรามองว่าแนวโน้มนี้เป็นการปรับพอร์ตเชิงกลยุทธ์เพื่อกลับไปสู่จุดสมดุลด้านภูมิศาสตร์ มากกว่าการลดน้ำหนักสหรัฐฯ อย่างชัดเจน”
ทั้งนี้อัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้า 12 เดือน (Forward P/E) ของดัชนี MSCI U.S. อยู่ที่ 22.6 สูงกว่าดัชนี MSCI Asia ที่ 14.4 ดัชนี MSCI Europe ที่ 14.2 และดัชนี MSCI World ที่ 19.7 อย่างมีนัยสำคัญ
อ้างอิง : www.reuters.com