เวียดนาม จ่อลดอัตราเงินสำรองสกุลด่องลง 50% ธนาคารที่รับโอนกิจการธนาคารอ่อนแอ เริ่ม 1 ต.ค.
ธนาคารกลางเวียดนาม ประกาศลดอัตราเงินสำรองสกุลด่องลง 50% สำหรับธนาคารที่รับโอนกิจการธนาคารอ่อนแอ เริ่ม 1 ต.ค. หวังลดภาระต้นทุน-เพิ่มสภาพคล่องปล่อยกู้
วันที่ 14 สิงหาคม 2568 เวลา 13.34 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เวียดนามจะลดอัตราส่วนเงินสำรองภาคบังคับของเงินฝากสกุลด่องลงครึ่งหนึ่งสำหรับธนาคารที่เข้าซื้อกิจการธนาคารที่อ่อนแอกว่า เพื่อส่งเสริมการควบรวมในภาคการเงินของประเทศ ส่งผลให้หุ้นธนาคารใหญ่หลายแห่งปรับตัวขึ้น
มาตรการนี้ซึ่งจะเริ่มมีผลวันที่ 1 ต.ค.2568 ระบุโดยธนาคารกลางเวียดนาม (State Bank of Vietnam) ว่าจะลดจำนวนเงินสำรองที่ธนาคารต้องกันไว้สำหรับสถาบันการเงินที่ถูกมอบหมายให้รับโอนกิจการธนาคารที่อยู่ภายใต้การกำกับเป็นพิเศษ มุ่งช่วยลดภาระทางการเงินจากการรับโอนธนาคารขนาดเล็กและอ่อนแอ ขณะเดียวกันประเทศยังต้องเผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้าทั่วโลก โดยเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกกำลังเผชิญอัตราภาษีขั้นพื้นฐาน 20% จากสหรัฐ
Tran Tuan Minh ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทวิจัยและลงทุนหลักทรัพย์ TVI ในฮานอย กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของธนาคาร โดยเฉพาะผู้ที่รับโอนธนาคารที่มีปัญหา ทำให้มีเงินสดหมุนเวียนเพื่อปล่อยกู้มากขึ้น และยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางได้ประกาศโอนกิจการธนาคารที่มีปัญหา 2 แห่ง ได้แก่ GPBank ให้กับ VPBank และ DongA Bank ให้กับ HDBank ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างธนาคารภายในประเทศที่อ่อนแอ ก่อนหน้านั้นในปีที่แล้ว Vietcombank รับโอน Construction Bank ส่วน Military Bank รับโอน Ocean Bank
หลังประกาศมาตรการดังกล่าว หุ้นธนาคารส่วนใหญ่ในเวียดนามพุ่งขึ้น โดย Vietcombank และ HDBank เพิ่มขึ้นสูงสุด 3.7% และ 4.5% ตามลำดับ Military Bank พุ่งเต็มเพดานรายวัน 7% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ VPBank พุ่ง 6.9% ในช่วงพักเที่ยง
ธนาคารอย่าง Vietcombank, MBBank, VPBank และ HDBank ที่รับโอนกิจการธนาคารที่อ่อนแอ มีเงินฝากบัญชีออมทรัพย์ในบัญชีเดินสะพัดจำนวนมาก บางแห่งเกิน 550 ล้านล้านด่อง หรือราว 2.17 หมื่นล้านดอลลาร์ การลดเงินสำรองลงครึ่งหนึ่งอาจช่วยเพิ่มวงเงินปล่อยกู้ได้ราว 8.25 ล้านล้านด่อง ตามรายงานของ VietnamNet
ปัจจุบันอัตราเงินสำรองภาคบังคับสำหรับเงินฝากสกุลด่องที่มีอายุตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป อยู่ที่ 1% และเงินฝากระยะสั้นอยู่ที่ 3% ขณะที่เงินฝากสกุลดอลลาร์อยู่ที่ 8% สำหรับระยะสั้น และ 6% สำหรับ 12 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่ามาตรการใหม่นี้จะครอบคลุมเงินฝากสกุลดอลลาร์หรือไม่
อ้างอิง : bloomberg.com