โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ภาพยนตร์

POP: จากดราม่าโปสเตอร์ดาบพิฆาตอสูร สู่ตำนานช่างหมุกหยง ว่าด้วยเรื่องศิลปะคัตเอาต์หนัง ที่กำลังสูญหายไปพร้อมกับ Stand-Alone Cinema

BrandThink

เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

โปสเตอร์ ‘ดาบพิฆาตอสูร’ วาดโดยศิลปินไทย ถูกแอคใหญ่ต่างประเทศวิจารณ์เสียหาย?

จากโพสต์ของแอคเคาต์ดังอย่าง ‘Demon Slayer Daily’ บนแพลตฟอร์ม X เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา เจ้าของแอคเคาต์ได้ออกมาโพสต์ว่า “New demon slayer movie poster in Thailand 😭” พร้อมกับแปะรูปภาพโปสเตอร์ที่วาดด้วยมือฝีมือคนไทย จากแอนิเมชันเรื่อง ‘ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต’ (Demon Slayer: Infinity Castle Part 1)

ล่าสุด ได้มีการแสดงความคิดเห็นจากแฟนคลับต่างประเทศและแฟนคลับชาวไทยมากมาย ซึ่งเสียงแตกออกเป็นสองฝั่งอย่างเห็นได้ชัด โดยฝั่งมุมมองของบุคคลที่ชื่นชอบ ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่งานวาดมือถูกลดทอนคุณค่าศิลปะ เราผู้บริโภคควรที่จะชื่นชมฝีมือผู้วาดและความตั้งใจที่อยู่เบื้องหลัง มากกว่าที่จะให้คุณค่ากับผลงานAI เพราะเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า ผลงานบิลบอร์ดขนาดยักษ์ที่เราเห็นเหล่านั้น มันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์และความทุ่มเทของผู้วาดมากแค่ไหน

ส่วนในมุมมองของบุคคลที่รู้สึกไม่ประทับใจ ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงว่า งานศิลปะภาพนี้ดูตลกและไม่เหมือนกับแอนิเมชันต้นฉบับเอาเสียเลย ยกตัวอย่าง คอมเมนต์บนแพลตฟอร์ม X มีเจ้าของบัญชีรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ล้อเลียนถึงรูปร่างหน้าตาของตัวละคร ‘โคโจ ชิโนบุ’ (Kocho Shinobu) บนป้ายคัตเอาต์ว่า มันดูแตกต่างจากต้นฉบับจนออกแนวตลก

โดยผู้อยู่เบื้องหลังของวาดภาพอันแสนงดงามดังกล่าว คือ ‘ช่างหมุกหยง-เจริญกิตติพงศ์’ ศิลปินเขียนคัตเอาต์หนังวัยเกือบ 80 ปี จากจังหวัดยะลา ปัจจุบันยังคงทำงานวาดโปสเตอร์หนังมืออยู่ที่ห้างโคลีเซียม เขาจึงเป็นเหมือนหนึ่งในช่างเขียนรุ่นบุกเบิกของภาคใต้ และถือเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจของวงการนักวาดเลยทีเดียว

ช่างหมุกหยงเคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ‘ผู้จัดการออนไลน์’ (MGR ONLINE) ว่า เส้นทางอาชีพของเขาเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2506 ที่หาดใหญ่ ผ่านการทำงานกับหลายโรงหนังทั้งภาคใต้ ภาคอีสาน และท้ายที่สุดก็ต้องกลับมาทำงานที่จังหวัดยะลา

โดยยุคเฟื่องฟูของอาชีพช่างเขียน ช่างหมุกหยงกล่าวเพิ่มเติมว่า มันรุ่งเรืองมากในยุคที่โรงหนังสแตนด์อโลนยังคงอยู่ แต่พอปัจจุบันโรงหนังเริ่มก้าวเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าและหันมาใช้ป้ายไวนิลกันแทน จึงทำให้ขนาดพื้นที่ของคัตเอาต์ลดลงเป็นอย่างมาก จาก 30-40 แผ่น ก็เหลือเพียงแค่ 6-8 แผ่น หรือแม้กระทั่งพื้นที่ของช่างเขียนก็เริ่มลดลงเช่นกัน

ทั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่า คัตเอาต์กับโรงหนังสแตนด์อโลนนั้นถือเป็นความผูกพันที่อยู่เคียงข้างกัน ไม่ต่างกับโรงภาพยนตร์ที่ต้องขายป๊อปคอร์นคู่กับน้ำอัดลมอยู่เสมอ

คำถามคือ ในยุคสมัยที่โรงหนังสแตนด์อโลนในประเทศไทยเริ่มหายไป ภาพวาดคัตเอาต์จะอยู่อย่างไร

ยกตัวอย่าง ‘โรงหนังสกาลา’ อันโด่งดัง ที่ปิดตัวไปเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2563 ด้วยสาเหตุที่ยอดผู้เข้าชมลดลง รวมถึงปัจจัยในเชิงธุรกิจอย่างต้นทุนบำรุงรักษาและที่ดินที่มูลค่าสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ

แต่ถ้าหากพูดถึงในองค์รวมของอุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศไทย ที่ไม่ใช่เพียงแค่โรงหนังสแตนด์อโลนเท่านั้น ‘Micro Cimema’ หรือโรงหนังขนาดเล็ก ก็ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อวงการนี้ไม่น้อยเช่นกัน เพราะล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ‘Doc Club & Pub.’ ได้ออกมาประกาศในเพจเฟซบุ๊กของตนว่าจะหยุดให้บริการในส่วนของพื้นที่ฉายภาพยนตร์ เนื่องด้วยกฎกระทรวงและ พ.ร.บ.ภาพยนตร์ ในปัจจุบันยังใช้หลักเกณฑ์ของตัวอาคารและโรงมหรสพเป็นบรรทัดฐานเดียวกันอยู่ทั้งหมด…ซึ่งต่างประเทศไม่ใช่แบบนั้น

และถ้าหากถามซ้ำอีกครั้งว่า แล้วทำไมโรงภาพยนตร์เครือใหญ่ถึงไม่สามารถสนับสนุนงานคัตเอาต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านเราได้ แน่นอนว่าอาจเป็นเพราะ ‘เงิน’ ล้วนๆ เนื่องจากการวาดคัตเอาต์ขนาดใหญ่ใช้ต้นทุนที่สูง อายุการใช้งานสั้น และสำหรับโรงภาพยนตร์ที่ไม่จำเป็นต้อง ‘ดึงลูกค้าหน้าโรงหนัง’ ด้วยคัตเอาต์เหมือนกับโรงภาพยนตร์แบบสแตนด์อโลนสมัยก่อน ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จึงไม่สร้างผลกำไรแต่อย่างใด

และถึงแม้โรงหนังนอกกระแสอย่าง ‘House Samyan’ จะยังคงอยู่ และมี ‘แนวคิด’ ที่คล้ายคลึงกับคำว่า ‘Micro Cinema’ และ ‘Stand-Alone Cinema’ มากแค่ไหน ถึงอย่างไรก็ยังติดปัญหาเรื่อง ‘พื้นที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการติดตั้ง’ อยู่ดี เหตุเพราะสแตนด์อโลนสมัยก่อนจะมีทั้งผนังหรือโครงเหล็กขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในการแสดงผลงานภาพวาด แต่ทว่าพื้นที่ในห้างหรือในอาคารรวมที่ทาง House Samyan ตั้งอยู่นั้น พื้นที่โฆษณาค่อนข้างเล็กและอยู่ในข้อกำหนดของอาคาร จึงไม่สามารถติดตั้งคัตเอาต์ขนาดใหญ่ได้

ส่วนอีกสถานที่หนึ่งที่ชาวซีเนไฟล์หรือคนรักหนังอาจเดินไปทางเยี่ยมเยียนกันบ่อยอย่าง ‘หอภาพยนตร์’ ที่ถึงแม้จะมีพื้นที่เป็นของตัวเองและเป็นเอกเทศ คล้ายกับสแตนด์อโลนในเชิงโครงสร้าง แต่แท้จริงหอภาพยนตร์ก็เป็นเพียงโรงหนังในสถาบัน (Nation Film Archieve) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ในการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์และฉายภาพยนตร์เพียงเท่านั้น มิได้มีจุดประสงค์ในเชิงพาณิชย์เหมือนเช่นโรงภาพยนตร์แห่งอื่นๆ

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ อาจนึกภาพออกประมาณหนึ่งแล้วว่า เหตุใด ‘โรงหนังสแตนด์อโลน’ ถึงมีความสำคัญยิ่งต่อวงการ ‘ช่างเขียนคัตเอาต์’ เพราะเมื่อโรงหนังสแตนด์อโลนเริ่มทยอยปิดตัว ศิลปินเขียนคัตเอาต์ก็ไร้งาน

สิ่งเดียวที่อาจช่วยให้วงการนี้สามารถไปต่อได้ ก็คือการช่วยกัน ‘อนุรักษ์’ ไม่ให้ศิลปินฝีมือดีอย่างพวกเขาสูญหายไป รวมถึงร่วมส่งกำลังใจ คอยชื่นชมและสนับสนุนในผลงานและการสร้างสรรค์ของศิลปิน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก BrandThink

SOCIETY: นักมวย 2 รายเสียชีวิต หลังขึ้นชกวันเดียวกัน เหตุจากอาการบาดเจ็บทางสมอง จุดกระแสเรียกร้องทบทวนกฎความปลอดภัยบนสังเวียนมวยญี่ปุ่น

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

BIZ: จะเลียนแบบป๊อกกี้ คิดให้ดี! ล่าสุด ‘แท่งป๊อกกี้’ กลายเป็น ‘3D trademark’ ของป๊อกกี้ตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความภาพยนตร์อื่น ๆ

ช่อง 3 และ M Studio ปล่อยทีเซอร์ ภาพยนตร์ “ธี่หยด 3” สุดเดือด!!! เมื่อผีร้ายพรากน้องสาวคนเล็ก “ยี่” ไปจากครอบครัวตัว “ย“

WeR NEWS

โกอินเตอร์เต็มขั้น! “ธี่หยด” ประกาศเปิดตัวบ้านผีสิงที่ Universal Studios Singapore ครั้งแรกในประวัติศาสตร์หนังไทย ขึ้นแท่นบ้านผีสิงระดับโลก!

WeR NEWS

สำนักชีร้อยปี สู่บ้านพักคนชราโคตรเฮี้ยน! “The Home” หลอนก่อนฉาย 21 ส.ค.

สยามรัฐวาไรตี้

“Eden สวรรค์คนบาป” ปล่อยตัวอย่างระทึก! เตรียมล่า-สู้-ฆ่า 21 ส.ค.

สยามรัฐวาไรตี้

“บาทหลวง-หมอเหยา” คู่หูปราบผี แรงต่อเนื่อง ลุยเป้า 30 ล้านทั่วประเทศ

สยามรัฐวาไรตี้
วิดีโอ

อาการหลังดู "ท่าแร่"

Sahamongkolfilm

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...