กสทช. เคาะปรับเกณฑ์ลดหย่อน USO หนุนงานฉุกเฉิน-มั่นคงโทรคม
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การนำค่าใช้จ่ายจากภารกิจโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ มาหักลดหย่อนจากรายได้ที่ต้องจัดสรรตามภารกิจ Universal Service Obligation (USO) หรือ กองทุน USO NET โดยเฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนหรือเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 23/2568 ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนื่องจากวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการพิจารณา 29 วาระจากทั้งหมด 63 วาระ โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ การเห็นชอบร่างประกาศ กสทช. (ฉบับที่ 2) ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการนำค่าใช้จ่ายด้านโทรคมนาคมเพื่อสาธารณประโยชน์มาหักลดหย่อนจากรายได้ที่ต้องจัดสรรเพื่อ USO
สาระสำคัญของร่างประกาศฉบับนี้ คือ การปรับปรุงนิยาม “ภารกิจด้านโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ” ให้ครอบคลุมถึงงานที่เกี่ยวกับความมั่นคงตามกฎหมาย และเพิ่มความยืดหยุ่นในการหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายในกรณีจำเป็นเร่งด่วน เช่น การให้บริการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกล โรงเรียน หรือในสถานการณ์ภัยพิบัติ
นอกจากนี้ ยังมีการขยายเพดานการหักลดหย่อนจากเดิมไม่เกิน 15% ของรายได้ที่ต้องจัดสรร และไม่เกิน 200 ล้านบาทต่อปี โดยในกรณีภารกิจเร่งด่วนเพื่อสาธารณประโยชน์ จะสามารถหักเพิ่มได้อีกไม่เกิน 5% หรือไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปี ทำให้รวมเป็นเพดานสูงสุดไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อปี
พิจารณาอีก 2 โครงการ ขอใช้สิทธิตาม ม.39 สร้างท่อสื่อสารข้ามจังหวัด-เชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน
ในวาระที่ 6.2 ที่ประชุมยังได้พิจารณาคำร้องของบริษัทเอกชน 2 ราย ได้แก่ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เกทเวย์ จำกัด และบริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชัน จำกัด (มหาชน) ที่ขอใช้สิทธิตามมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.กิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ในการสร้างท่อร้อยสายสื่อสาร เพื่อให้บริการโทรคมนาคม
บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ขอสร้างท่อร้อยสาย 10 เส้นทาง รวมระยะทาง 119 กิโลเมตร ในพื้นที่จังหวัดสตูลและสงขลา โดยร่วมกับกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมระหว่างประเทศฝั่งทะเลอันดามัน
ขณะที่บริษัท ซิมโฟนี่ฯ ขอวางท่อร้อยสายบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 จ.มุกดาหาร ระยะทาง 3.35 กิโลเมตร หลังได้รับผลกระทบจากการตัดการเชื่อมต่อเคเบิลใยแก้วนำแสงไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านไปยังลูกค้าในประเทศเวียดนาม
ทั้งสองกรณีอยู่ระหว่างการพิจารณาให้สิทธิตามขั้นตอนกฎหมาย เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคมในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง