ศาลสหรัฐตัดสินให้คำสั่งคืนทรัพย์สิน 15,000 ล้านบาทของทรัมป์ “เป็นโมฆะ”
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ว่า เมื่อเดือน ก.พ. 2567 นายอาร์เธอร์ เอนโกรอน ผู้พิพากษาของศาลสูงสุดรัฐนิวยอร์ก ได้ตัดสินให้ทรัมป์จ่ายเงิน 464 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,131 ล้านบาท) รวมดอกเบี้ย
ขณะที่บุตรชายของผู้นำสหรัฐ คือนายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ และนายอีริก ทรัมป์ ได้รับคำสั่งให้จ่ายเงินมากกว่าคนละ 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 130 ล้านบาท)
ในการตัดสินครั้งนั้น ผู้พิพากษาพบว่า ทรัมป์และทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน บิดเบือนมูลค่าทรัพย์สินเกินจริง เพื่อให้ได้มาซึ่งสินเชื่อธนาคาร และเงื่อนไขประกันภัย
นอกจากผลกระทบทางการเงินต่อทรัมป์แล้ว ผู้พิพากษายังสั่งห้ามผู้นำสหรัฐดำเนินธุรกิจเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งประธานาธิบดีโต้แย้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ไม่ต่างอะไรกับโทษประหารชีวิต”
ล่าสุด ผู้พิพากษา 5 คนแห่งแผนกอุทธรณ์ของศาลฎีกานิวยอร์ก พิพากษายืนคำตัดสินดังกล่าว แต่มีมติด้วยว่า ค่าปรับนั้น “สูงเกินไป” และละเมิดบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 8 ของสหรัฐ ซึ่งห้ามการลงโทษและบทลงโทษ ที่มากเกินไปหรือโหดร้าย
ด้านนางเลทิเทีย เจมส์ อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นผู้ยื่นฟ้องคดีดังกล่าว ให้คำมั่นที่จะนำคำตัดสินที่กำหนดให้ค่าปรับของทรัมป์เป็นโมฆะ ขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์นิวยอร์ก โดยยืนยันถึงคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ที่มีหลักฐานสนับสนุนอย่างดีว่า ทรัมป์, ทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน และบุตรชายทั้งสองคนของทรัมป์ “มีความผิดฐานฉ้อโกง”.
เครดิตภาพ : AFP