มทภ.1 เปิดใจโต้ ไม่กินเส้นทหารด้วยกัน ยันไม่รื้อลวดหนามชายแดน ลุยปราบสแกมเมอร์
มทภ.1 เปิดใจโต้ ไม่กินเส้นทหารด้วยกัน ยันไม่รื้อลวดหนามชายแดน ลุยปราบสแกมเมอร์
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมพล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ตอบคำถามกรณีข้อจำกัดพื้นที่ชายแดนกองทัพภาคที่ 1 ที่เป็นพื้นที่ราบและมีชุมชน แต่ยังมีกระแสโจมตีไปในเรื่องการเมือง หรือเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายหรือไม่ ว่า “ไม่เกี่ยว” วันนี้จึงได้ให้สื่อมาทำข่าวการประชุม RBC และลงพื้นที่กับคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว จึงถือโอกาสทำความเข้าใจให้สื่อโซเชียลทราบว่าที่จริงแล้วเป็นอย่างไร ได้เห็นภาพว่าเป็นอย่างไร ยุทธศาสตร์พื้นที่ระหว่างพื้นที่หน้าผา กองทัพภาคที่ 2 แตกต่างจากกองทัพภาคที่ 1 ที่เป็นทุ่งนาติดกัน
พล.ท.อมฤตกล่าวว่า “ส่วนอีกเรื่องคนก็พูดกันไป ผมกับ” ซึ่งได้เว้นช่วงคำตอบ ก่อนจะกล่าวต่อว่า“ผมสนิทสนมกันจะตาย ทำงานร่วมกันมาตลอด แต่คนก็พูดกันไป เบี่ยงเบนไปอะไร เป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่ได้นั่น ผมก็ทำงานอย่างเดียว”
ส่วนกรณีการปิดด่าน พล.ท.อมฤตกล่าวว่า การปิดด่านสระแก้วนั้น กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบด่านเฉพาะสระแก้ว ซึ่งทำมาก่อนแล้ว และได้มีการเสนอมาตรการเข้มงวดก่อนที่จะเริ่มมีการขัดแย้ง ทำมาก่อนแล้ว และที่ปอยเปตจะมีกระบวนสแกมเมอร์ รายได้ส่วนใหญ่จะเป็นทุนสนับสนุนกองทัพกัมพูชา
พล.ท.อมฤตกล่าวต่อว่า การปิดด่านช่วยให้เงินฝั่งนั้นลดน้อยไปมาก และช่วยประชาชนลดจากสแกมเมอร์ สื่อออนไลน์ลดน้อยลง แรงงานกัมพูชาหวังกลับไปทำงานที่หวาดกลัวและหลงเชื่อตามคำกล่าวของกัมพูชา เมื่อกลับไปแล้วจะมีงานทำให้กลับประเทศ เมื่อถึงเวลาก็ไม่ใช่เรื่องจริง สุดท้ายก็ลักลอบเข้ามาไทย ด้วยมาตรการต่างๆ เป็นผลประโยชน์เพิ่มเติมจากการปฏิบัติการทางทหาร
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพภาคที่ 1 และย้ำว่ากองทัพภาคที่ 1 ช่วยภาคที่ 2 ทั้งทางตรงและทางอ้อม
นอกจากนี้ พล.ท.อมฤตยังกล่าวถึงกรณีบ้านหนองจานที่มีปัญหา 30-40 ปี เพราะติด MOU43 มองว่าควรยกเลิกหรือไม่ ว่า เรื่องนี้ต้องไปหารือในระดับที่สูงกว่าตนเอง เพราะไม่ได้เกิดปัญหาที่ท้องถิ่น แต่ MOU43 ทำขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือลดความตึงเครียดในพื้นที่ เปรียบเหมือนชีวิตคนเราเมื่อรั้วบ้านติดกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีข้อตกลงร่วมกัน เพื่อให้ดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย ไม่เช่นนั้นในแต่ละที่จะเกิดการทะเลาะกัน และ MOU เป็นเรื่องที่นำมาพูดคุย และนำมาลดกระแสต่างๆ รวมถึงต้องปักปันเขตแดน
ส่วนพื้นที่บ้านหนองจานมีโฉนดของคนไทย แต่กัมพูชามาอยู่ ชาวบ้านบางคนบอกเป็นที่ของเขา แต่ต้องจ่ายค่าเช่า แต่ชาวกัมพูชาป่วน เราจะแก้ปัญหาอย่างไรนั้น เรื่องนี้ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าฯสระแก้ว ระบุว่า เฉพาะพื้นที่หนองจาน ตามสิทธิที่ดิน ตรวจสอบแล้วไม่มีเอกสารสิทธิ ไม่มี ส.ค.1 หรือ น.ส.3 สภาพพื้นที่เป็นป่า การอยู่อาศัยทางการไทยจึงออกบ้านเลขที่ให้ เพื่อดำเนินการใช้ไฟฟ้าได้ ไม่ได้ให้สัญชาติคนในพื้นที่ ยืนยันไทยมีแผนที่ให้ดูว่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นพื้นที่นั้นเป็นแผนที่ใด ซึ่งสามารถเปรียบเทียบกับปัจจุบันได้ และฝ่ายปกครองขอยืนยันว่าไม่มีพื้นที่เอกสารสิทธิใดๆ แม้กระทั่งคนไทย หากพื้นที่ใดมีเอกสารสิทธิจะมีภาพถ่ายทางอากาศและกรมที่ดินก็จะไประวาง ซึ่งกรมที่ดินใช้แผนที่ทั่วประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบกันแล้ว ย้ำว่าไม่มีเอกสารสิทธิ
สำหรับโดรนสอดแนม แม่ทัพภาคที่ 1 ระบุว่า มีบ้างช่วงแรก แต่มีมาตรการป้องกันทุกมิติ มีระบบแอนตี้โดรน และใช้ภาคพื้นดิน และมีการควบคุมพื้นที่ในการขึ้นโดรนซึ่งจะสามารถตรวจสอบได้ โดยตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง สามารถที่จะทำงานร่วมกันได้ ซึ่งมีระบบตรวจสอบได้ ค้นหาพิกัด ล่าสุดตรวจพบว่าในพื้นที่ จ.สระแก้ว ไม่พบโดรนสอดแนมแล้ว
หากรัฐบาลกัมพูชามีการเรียกร้องให้มีการรื้อลวดหนาม และจะยอมเก็บกู้ทุ่นระเบิดนั้น แม่ทัพภาคที่ 1 ยืนยันไม่รื้อ ไม่มีทางรื้อ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาในวันนี้ก็ตอบเองว่าเขาต้องการที่จะเก็บกู้วัตถุระเบิด ซึ่งไม่เกี่ยวกับรั้วลวดหนาม
พร้อมกันนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ยอมรับว่า ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนตกค้างตั้งแต่สมัยเวียดนามกัมพูชา ดังนั้นพื้นที่ตรงนี้ถึงไม่เกิดเหตุ แต่พื้นที่ภาคที่ 2 เป็นพื้นที่การรบ ซึ่งสาเหตุทุกคนก็ทราบแล้วว่าเกิดจากอะไร แต่สิ่งที่กองทัพภาคที่ 1 ทำก็เพื่อเคลียร์วัตถุที่ตกค้าง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยรวมถึงประชาชนคนไทยให้ปลอดภัยด้วย
ด้าน พลตรีสุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ระบุว่า ขอยืนยันว่าผลสรุปในการประชุมอาร์บีซี สิ่งที่ไทยได้ก็เชื่อว่าประชาชนจะยินดีกับข้อตกลงนี้ คือกัมพูชาตอบรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ตอบรับการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งทั้งสองข้อนี้แนวทางของจีบีซีกัมพูชาไม่ยอมรับ
ดังนั้น จึงถือว่าครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นข้อตกลงเริ่มต้น ยืนยันยังมีระเบิดอยู่ ซึ่งก็มีหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ดำเนินการอยู่ ยืนยันว่าเก็บกู้ไม่หมดไม่สิ้น มีอีกจำนวนมาก แต่การดำเนินการที่ผ่านมา พื้นที่ที่มีปัญหาระหว่างการเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะพื้นที่พูดคุยกัน เพื่อจะพูดคุยกันว่าจะเก็บกู้ระเบิดตรงจุดไหน ยืนยันว่าทัพภาคที่ 1 ยังมีและขอชวนให้กัมพูชามาร่วมเก็บกู้ระเบิด
พลตรีสุรวิชญ์กล่าวว่า ทั้งนี้ ทางกัมพูชามีการเสนอว่าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะต้องหยุดยิงโดยสมบูรณ์ ตนเองจึงตอบว่าเมื่อไหร่จะสมบูรณ์ แล้วที่กัมพูชาบอกว่าจะต้องปักปันเขตแดนให้เสร็จ ซึ่งตนเองก็ตอบไปว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ แต่ความถึงแล้วระเบิด พร้อมระเบิดทุกเมื่อทั้งวันนี้หรือพรุ่งนี้ไม่รอเวลา จึงยืนยันกับกัมพูชาว่าการเก็บกู้ระเบิดต้องเกิดขึ้นทันที เพราะระเบิดไม่รู้จักใคร ถ้าจะรอนู่นรอนี่ ก็จะมีรายที่ 6 รายที่ 7 ขาขาดทั้งไทยและกัมพูชา ดังนั้นตนเองจึงพยายามตีกรอบว่าต้องทำทันที แต่สุดท้ายก็ได้ข้อตกลงยินดีร่วมเก็บกู้ ยืนยันว่าเมื่อรับข้อเสนอที่ทัพภาคที่ 1 แล้ว อาจจะมีข้อแม้ไม่รับที่ทัพภาคที่ 2 ได้อย่างไร ก็เพราะเป็นทุ่นระเบิด ย้ำว่าสิ่งทึ่ได้จากกองทัพภาคที่ 1 จะเป็นมรรคเป็นผล ต่อไปที่ทัพภาคที่ 2 เช่นเดียวกับเรื่องสแกมเมอร์ ทัพภาคทึ่ 1 มี ภาคที่ 2 ก็มีเช่นกัน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : มทภ.1 เปิดใจโต้ ไม่กินเส้นทหารด้วยกัน ยันไม่รื้อลวดหนามชายแดน ลุยปราบสแกมเมอร์
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th