ลูกชายป่วยจิตเวชคุ้มคลั่งทำร้ายแม่ พ่อเข้าห้ามถูกกรรไกรแทงหลัง ก่อนจะหนีขังตัวเองในห้อง

ลูกชายป่วยจิตเวชคุ้มคลั่งทำร้ายแม่ พ่อเข้าห้ามถูกกรรไกรแทงหลัง ก่อนจะหนีขังตัวเองในห้อง ตำรวจเกลี้ยกล่อมโดยการบอกจะให้เป็นรองผู้กำกับยศพันโท และจัดเตรียมห้องทำงานพร้อมชุดเครื่องแบบให้ใส่ โดยจะมีรถมารับไปดูห้องทำงาน ทำให้เจ้าตัวยอมเดินขึ้นรถตำรวจอย่างง่ายดาย

เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 23 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ได้รับแจ้งมีชายคลุ้มคลั่งทำร้ายคนในครอบครัวได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดศรีด่าน 9 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสาน เจ้าหน้าที่สายตรวจ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นห้องแถวชั้นเดียว ที่บริเวณหน้าห้อง พบ นางรัศมี อายุ 48 ปี หลังศีรษะแตก และ นายรังสี อายุ 57 ปี ถูกกรรไกรแทงเข้าที่หลัง 1 แผล เจ้าหน้าที่มูลนิธิให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาล ส่วนตัว นายรณกิจ อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คน และเป็นผู้ก่อเหตุ ได้ขังตัวเองอยู่ในห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการปิดล้อมและเข้าเกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัว แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมยิน โดยตำรวจได้ส่งบุหรี่และน้ำดื่มให้เพื่อลดความตึงเครียดของผู้ก่อเหตุ ขณะเดียวกัน ตำรวจสายตรวจต้องปลอมตัวแสดงท่าทีว่าเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เดินทางมายื่นข้อเสนอหาก ยอมเปิดประตูออกมาพบตำรวจ จะแต่งตั้งให้เป็นนายใหญ่ประจำสถานีตำรวจ และไม่มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด พอ นายบอย ได้ฟังแบบนั้น จึงหลงกลและยอมเปิดประตูออกมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างโดยดี แต่ตำรวจยังต้องเกลี้ยกล่อม นายบอย ต่อ โดยการบอกจะให้เป็นรองผู้กำกับยศพันโท และจัดเตรียมห้องทำงานพร้อมชุดเครื่องแบบให้ใส่ โดยจะมีรถมารับไปดูห้องทำงาน ทำให้เจ้าตัวยอมเดินขึ้นรถตำรวจอย่างง่ายดาย

จากการสอบถาม นางรัศมี อายุ 48 ปี แม่ของคนก่อเหตุ เล่าว่า ลูกชายเป็นคนทำร้ายตน โดยใช้กำปั้น แต่ส่วนพ่อโดนกรรไกร ลูกมีอาการป่วยจิตเวช พาไปหาหมอวันที่ 21 แล้วหมอลดยา ลูกป่วยมานานแล้ว วันนี้เขาดูดบุหรี่จัดมาก เขาเพิ่งมีอาการแบบนี้ครั้งแรก ลูกชายไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

นางรัศมี ยังเล่านอกรอบให้ฟังอีกว่า ปกติลูกชายจะไปส่งของกับพ่อประจำส่งพวกแป้งขนมปัง ก็ไม่เคยมีอาการอะไร แต่วันนี้คุณแม่สังเกตเห็นอาการของลูกชายผิดปกติจึงมีการบอกกับคุณพ่อว่าอย่าไปยุ่งอย่าไปพูดอะไรมาก เพราะพฤติกรรมลูกชายเปลี่ยนไป จากที่ไม่เคยพูดจาหยาบคายก็กลายเป็นพูดจาหยาบคาย ตอนก่อนเกิดเหตุ ทางด้านลูกชายมีการเอะอะโวยวายและพูดคำหยาบกับคุณแม่ เราคว้ากรรไกรจะมาทำร้ายคุณแม่แต่คุณแม่วิ่งหนีได้ก่อน เขาก็เลยใช้กำปั้นทุบหัวคุณแม่จนหัวแตก ตอนนั้นคุณพ่อกำลังอาบน้ำอยู่ พอออกมาเห็นก็เลยรีบเข้าห้ามลูกชาย ลูกชายจึงใช้กรรไกร แทงไปที่หลังของพ่อ 1 แผล ด้าน นายรังสี บุตรสมศรี อายุ 57 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตนเข้าไปห้ามเขา แล้วเขาก็ใช้กรรไกรทำร้ายตน

ขณะที่ น้องบี (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ข้างห้อง เล่าว่า ตนได้ยินเขาอาละวาดใส่แม่เขา ปกติเขาจะออกมานั่งเล่นโทรศัพท์ดูดบุหรี่ แล้วแม่เขาออกมาดู เขาก็ว่าแม่จะ “ออกมาดูจับผิดอะไรนักหนา เดี๋ยวจิ้มตาบอดเลย ” จากนั้นเขาก็โวยวายใส่แม่ แล้วเขาพูดว่า“อย่าแจ้งตำรวจนะ” แม่เขาก็บอกว่า”ไม่แจ้งหรอก“ และเหมือนเขาจะสงบสติลงเข้าไปในห้อง สักพักเค้าก็ออกมาอาละวาดใส่แม่เขาอีก และเหมือนจะทำร้ายแม่ เหมือนเขาจะหยิบมีดแล้วเดินออกไปแล้วเดินกลับมา แม่เขาเดินมาบอกตนให้แจ้งตำรวจให้ ตอนนั้นแม่เขามีเลือดไหลเต็มหัวแตก เขาเป็นแบบนี้ไม่บ่อย ครั้งก่อนแค่โวยวาย มีปากเสียงกันนิดหน่อยไม่รุนแรงขนาดนี้ เขาเป็นแบบนี้ตนรู้สึกกลัวมาก ตนรู้ว่าเขามีอาการจิตเวช และคอยระวังตัวเวลาเขามีปากเสียงกันต้นจะอยู่ในห้องเงียบๆไม่ออกมายุ่ง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ตำรวจได้คุมตัว นายรณกิจ ไปที่ สภ.สำโรงเหนือ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชจริงหรือไม่ และหาสาเหตุต่อไป