สภา ถกญัตติ MOU43-44 พท.ขอประชุมลับ หวั่นเขมรรู้ทาง ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย
สภาฯ ถกญัตติด่วน MOU 43-44 "เพื่อไทย" ขอประชุมลับ หวั่นกัมพูชารู้ทาง ด้าน "ฝ่ายค้าน" ยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 ส.ค. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม หลังพิจารณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1.น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิไทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา
2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯ ทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา
3.นายสฤษพงศ์ เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน
4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯ พิจารณาศึกษา MOU 43 และ 44 เพื่อนำข้อเสนอส่งให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการต่อไป
และ 5.นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอเรื่องขอให้สภาฯ ตั้งกมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและการจัดทำหลักเขตแดนทางบกและทางทะเล MOU 43 และ44
จากนั้น นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เนื่องจากวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน มีการประสานงานกันเรียบร้อยแล้ว ทางรัฐบาลไม่ขัดข้องในการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาดังกล่าว เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ที่จะมาคุยกันในสภาฯ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากญัตติดังกล่าวเป็นความละเอียดอ่อน เป็นความมั่นคงของประเทศ และกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นขอให้เป็นการประชุมลับ
ทำให้น.ส.แนน ลุกขึ้นแย้งว่า การที่นายวัชระพลอ้างว่ามีการตกลงกันแล้วระหว่างวิปฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งจริงแล้วไม่ใช่ของสัปดาห์นี้ เราไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ เท่าที่ตนได้ประสานกับเลขาฯ วิปรัฐบาล ได้บอกว่าวันนี้เราจะมีการพิจารณาญัตติในประเด็น MOU 43 และ 44 และไม่ได้คุยในประเด็นอื่นๆ หลังจากนี้ ฉะนั้น วันนี้ถ้าจะมาอ้างว่ามีการตกลงกันแล้ว ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นการประชุมลับ หรืออะไรก็ตามเป็นการพูดคุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น คือ การทำตามข้อตกลงทุกอย่าง ท่านคว่ำไปเอง ท่านปิดประชุม เมื่อปิดประชุมแล้ว ดิฉันถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของสัปดาห์ที่แล้ว สัปดาห์นี้เราคุยกันเรื่องการพิจารณาญัตติ และขณะนี้มีผู้เสนอญัตติอีก 4 ท่าน หากถามเฉพาะผู้เสนอญัตติ ดิฉันมั่นใจว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นความลับ MOU 43 และ 44 มีมาทั้งหมด 24-25 ปีแล้ว มีการพูดคุยเนื้อหาในวงกว้างมานานมากแล้ว ช่วงนี้ก็มีการพูดคุยกัน ดังนั้นดิฉันไม่เห็นด้วยให้ประชุมลับ” น.ส.แนน กล่าว
ด้านนายวัชระพล กล่าวว่า ขออภัยฝ่ายค้าน อาจจะเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ดังนั้น ตนขอแก้ไขคำพูดตัวเองว่ารัฐบาลไม่ขัดข้องในการเสนอญัตติ แต่สัปดาห์นี้อาจจะไม่ได้ประสานงานระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล เป็นการประสานงานสัปดาห์ที่แล้ว แต่ในสัปดาห์นี้ไม่ขัดข้องให้เสนอญัตติด่วน แต่ยืนยันให้ประชุมลับ แต่เพื่อให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นในช่วงเวลาที่เสนอญัตติ ช่วงเสนอญัตติอาจไม่เป็นการประชุมลับก็ได้ แต่ช่วงเวลาที่เข้าสู่การอภิปรายขอให้เป็นการประชุมลับ
ทำให้ นายไชยา ชี้แจงถึงความผิดพลาดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ยอมรับว่าตนในฐานะที่ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ตนไม่ได้ทราบข้อตกลงของการคุยกันระหว่างวิปทั้งสองฝ่ายเลย ดังนั้น การปิดประชุมในสัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ไม่ดีสำหรับสภาฯ โดยเฉพาะเรื่องการถกปัญหาสำคัญของบ้านเมือง ก็ต้องยอมรับว่าเกิดความผิดพลาดในการประสานงานจริงๆ
เรามีสภาฯ ที่เป็นเวทีในการที่จะถกปัญหาของบ้านเมือง เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งตนก็พร้อมที่จะเป็นประธานในที่ประชุมและให้ความร่วมมือกับสมาชิกทุกฝ่าย โดยขอให้เป็นมติและข้อตกลงร่วมกันของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล
จากนั้น สส.พรรคภูมิใจไทย และพรรคฝ่ายค้าน ไม่ยอมที่จะให้เป็นการประชุมลับ เพราะอยากฟังเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงอยากให้เป็นประชุมลับ ซึ่งในส่วนของพรรคภูมิใจไทยให้เหตุผลไปแล้วว่าไม่สมควรประชุมลับ หากจะเปิดเผยก็ควรจะเปิดเผยทั้งหมด และปัจจุบันทั่วโลกเขาทราบกันดีเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชาอยู่แล้ว จึงควรให้ประชาชนได้ยินด้วย อย่าปิดหูปิดตาประชาชนเลย
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล อภิปรายว่า ได้ปรึกษาหารือกับฝั่งรัฐบาลทั้งหมด และพรรคประชาชนก็หารือกัน เห็นว่าการจะเปิดโอกาสให้ผู้เสนอได้เสนอโดยเปิดเผย สามารถเปิดเผยได้ แต่การอภิปรายของสมาชิกทั้งหมดอาจไปกระทบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเจรจาหลายอย่าง ซึ่งฝ่ายความมั่นคงกำลังทำหน้าที่อยู่
ตนเชื่อว่าการพูดออกไปทั้งหมด เราไม่สามารถควบคุมผู้พูดได้ ว่าจะพูดในแนวไหน พาดพิง หรือเปิดเผยข้อมูลบางอย่าง ก็จะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ก็ให้ประชุมลับ
เช่นเดียวกับนายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า นักการเมืองมีอิสระเสรีพูดได้ทุกเรื่องไม่ควรมีข้อจำกัด แต่มี 2 เรื่องให้ระวัง ต้องใช้วุฒิภาวะระดับสูง คือ เรื่องความมั่นคง และการแบ่งแยกฝ่ายค้านกับรัฐบาล
สำหรับความมั่นคงเหตุผลที่ต้องใช้วุฒิภาวะ แม้เป็นความจริงที่ควรให้ประชาชนรู้ แต่ต้องดูระยะเวลาไม่ใช่ให้รู้ทุกอย่างเหมือนฝ่ายทำงาน ซึ่งไม่ใช่ปิดหูปิดตา แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ หากอยู่ในกรอบเอ็มโอยูอย่างเดียวไม่มีปัญหา แต่เชื่อว่าการอภิปรายจะมีอารมณ์ และเกินจากสาระ
“เป็นเรื่องเปราะบาง และอ่อนไหว เพราะหากอยากให้ฝ่ายกัมพูชารู้ทุกเรื่องสามารถประชุมเปิดเผยได้ แต่หากอยากให้คนไทยรู้แต่กัมพูชาไม่ควรรู้ควรเป็นการประชุมลับ อีกทั้งบางเรื่องอาจจะเป็นการยั่วยุ และบางเรื่องอาจขาดอำนาจต่อรอง สำหรับการประชุมลับไม่ใช่เรื่องแปลกหรือทำไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ยืนยันไม่ใช่การปิดหูปิดตาประชาชนแต่เป็นประโยชน์ประชาชนมากกว่า ควรคุยจำกัดวง เป็นเรื่องยุทธศาสตร์ที่คุยกันไม่ควรให้คู่ต่อสู้หรือข้าศึกรู้” นายสุทิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส.ฝ่ายค้าน และสส.ฝ่ายรัฐบาล ต่างมีความเห็นไม่ตรงกันกับวิธีการประชุม ขณะเดียวกันนายวัชระพล ยืนยันให้ประชุมเป็นการลับ ทำให้นายไชยยาวินิจฉัยว่า การเสนอให้ประชุมลับ ต้องมีการรับรองโดยสมาชิกไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 หรือ 123 เสียง โดยผลการรับรองให้ประชุมลับ 198 เสียง อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ตกลงให้ประชุมลับ ภายหลังจากการเสนอญัตติของผู้เสนอแล้วเสร็จ
จากนั้นผู้เสนอญัตติทั้ง 5 ญัตติ ได้เสนอเหตุผลในการยื่นญัตติด่วนครั้งนี้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สภา ถกญัตติ MOU43-44 พท.ขอประชุมลับ หวั่นเขมรรู้ทาง ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th