“บิ๊กเต่า” เตือนคนถือครองทรัพย์สินวัดพระบาทน้ำพุ รีบคืน สอบเส้นการเงิน ผงะ 2-3 พันล้าน
“บิ๊กเต่า รอง ผบช.ก.” เตือนผู้ถือทรัพย์สินวัดพระบาทน้ำพุ รีบคืนให้เจ้าหน้าที่ ก่อนบังคับใช้กฎหมาย ขยายคดี เผย ปปง.สอบเส้นทางเงินแล้ว พบ 30 คนเอี่ยว เงินมากกว่า 2-3 พันล้าน ทั้งทรัพย์สิน-เงินสด ยังตรวจสอบไม่หมด อาจงอกเพิ่มสูงกว่า 2-3 เท่าตัว
เมื่อเวลา 13.35 น. วันที่ 28 สิงหาคม 2568 ที่รัฐสภา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีตรวจสอบทรัพย์สินและเงินของวัดพระบาทน้ำพุ ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน หลังตรวจยึดมาจำนวนมาก เพื่อขยายผลถึงคนที่เกี่ยวข้อง โดยผลประโยชน์ไม่ได้อยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุอย่างเดียว แต่ไหลไปกับบุคคลจำนวนมาก ทั้งที่ดินหลายพันไร่ มีทั้งเงินสด อสังหาริมทรัพย์ จึงขอย้ำว่า ใครที่ถือครองทรัพย์สินของวัดอยู่ มีพยานหลักฐานหมดแล้ว ไม่อยากขยายวงดำเนินคดีเพิ่ม อยากจะดูเรื่องเจตนาในการถือครองทรัพย์สิน จึงขอให้มาแสดงตนกับเจ้าหน้าที่ หากใครยังคงถือครองอยู่ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะต้องการนำทรัพย์สินเหล่านั้นกลับมาคืนวัด ที่เป็นเงินและแรงศรัทธาของประชาชน ต้องเป็นประโยชน์ส่วนรวมไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตน จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนอีกครั้ง
“ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เจ้าหน้าที่มูลนิธิและเจ้าหน้าที่วัด ที่กระทำไปโดยเจตนาหรือไม่เจตนา หรือรู้อยู่แล้วว่าเป็นการกระทำความผิด แต่เจ้านายใช้ให้กระทำ ขอให้มาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย เพราะยังมีคดีฟอกเงินและยักยอกทรัพย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่เช่นนั้นท่านจะตกเป็นผู้สนับสนุน โดยขณะนี้ ปปง.ได้สอบเส้นทางการเงินแล้ว พบผู้ที่เกี่ยวข้องประมาณ 30 คน พบเงินหมุนเวียน 2-3 พันล้าน ยังไม่รวมเงินสดและทรัพย์สินนอกบัญชี ที่ ปปง.ยังไม่สามารถตรวจสอบได้เป็นจำนวนมาก อาจจะเพิ่มขึ้นมา 2-3 เท่าตัวก็ได้” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า วันนี้ยังไม่มีผู้ที่ถือครองทรัพย์สินของวัดมาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเพิ่งแจงไปวานนี้ ก็ต้องให้เวลาตั้งหลัก เรื่องนี้ยืดเยื้อยาวนานมากกว่า 20 ปี อาจจะมีการดื้อแพ่ง ซึ่งหากให้ความร่วมมือ ก็จะกันไว้เป็นพยาน แต่ถ้าไม่มา ก็จะออกหมายจับ จึงอยากให้ทุกคนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ โดยตอนนี้ ยังไม่มีการขีดเส้นว่า จะต้องเข้ามาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในกี่วัน อยากดูเรื่องของเจตนาเป็นหลัก แต่ถ้าไม่มาก็จะออกหมายเรียกตามลำดับ เนื่องจากอยากจะทำเรื่องนี้ให้เป็นตัวอย่างกับวัดอื่นด้วย ทำในลักษณะของวัดไร่ขิง และมีเรื่องที่จะต้องทำการบ้านอีกหลายเรื่อง เพื่อตอบคำถามในเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน และยังเป็นข้อสงสัย เช่น พระมีภรรยาหรือไม่ หมอบีเกี่ยวข้องอย่างไร มีเส้นเงินไปถึงใครบ้าง และมูลนิธินำเงินไปใช้จ่ายส่วนใดบ้าง มีความพัวพันกันหลายเรื่อง
“การแก้ไขปัญหาสงฆ์ เจ้าหน้าที่อย่างเดียวอาจจะทำได้ไม่ละเอียดเพียงพอ ต้องอาศัยพี่น้องประชาชนและองค์กรต่างๆ ให้ช่วยกันขับเคลื่อน เพราะเราต้องการแยกพระดีกับพระไม่ดีออกจากกัน รวมถึงสร้างระบบป้องกันตรวจสอบการทุจริตให้เกิดขึ้น เครื่องสกรีนคนที่จะหนีคดีไปบวช และปาราชิกแล้วกลับมาบวชใหม่ ตอนนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับคำสั่งจากรัฐบาล ให้ช่วยกันแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก่อนจะย้ำว่าการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ไม่ใช่การทำลายพระพุทธศาสนา แต่เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล เป็นพระที่อาศัยจีวรมากระทำความผิด ส่วนเคสของหมอบี พบบุคคลใกล้ชิดกระทำความผิดมีความเชื่อมโยง แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวนของไม่เปิดเผย” รอง ผบช.ก. กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “บิ๊กเต่า” เตือนคนถือครองทรัพย์สินวัดพระบาทน้ำพุ รีบคืน สอบเส้นการเงิน ผงะ 2-3 พันล้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทิดจอร์จ อ้างร่วมออกแบบตึกแฝดเปโตรนาส พบหมอบีโอนบ้านให้บุคคลอื่นจริง
- บอร์ด สพฉ. ไฟเขียวเก็บค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดึงงบฯ ช่วยผู้ป่วยคนไทย
- ทิดจอร์จ หมอบี นอนคุกพิเศษกรุงเทพฯ ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุอัตราโทษสูง กลัวหลบหนี
- "อลงกต" นอนคุก ตำรวจส่งฝากขังที่ศาล "หมอบี" วืดประกันตัว "เต่า" สางเส้นเงินต่อ
- “บิ๊กเต่า” เตือนคนถือครองทรัพย์สินวัดพระบาทน้ำพุ รีบคืน สอบเส้นการเงิน ผงะ 2-3 พันล้าน
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath