ทำไม ‘พรรค ปชน.’ ไม่แจ้งดำเนินคดี สายปริศนาโทรฯมาขอซื้อเสียงโหวต 10 ล้าน
การเมืองบ้านเรามักมีปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมาตลอด ในระหว่างที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดย "นายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง" สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน (ปชน.) และ "นายวีรนันท์ ฮวดศรี" สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน ออกมาเปิดเผยถึงกรณีมีคลิปเสียงสนทนาเพื่อขอซื้อ 10 ล้านบาท แลกเสียงโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ และร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ซึ่งขณะนั้นรัฐบาลยังไม่ถอนร่างออกไป โดยไม่จำเป็นต้องย้ายพรรค
ต่อมา ปรากฏคลิปเสียงสนทนาบนโลกออนไลน์ เป็นเสียงของผู้หญิงกำลังโน้มน้าว สส.ผู้ชายรายหนึ่ง เพื่อให้ยกมือโหวตผ่านกฎหมาย และยืนยันว่า ไม่ใช่นักการเมืองชื่อดังค่ายสีแดง นักการเมืองดังค่ายสีเขียว หรืออดีตบิ๊กทหาร ส่วนค่าใช้จ่ายถ้าเรียกมาแล้วจบ เกิน 10 โลขึ้นไป เฉพาะยกมือ ไม่เกี่ยวกับย้าย ยกมือตามที่มีเอกสารให้ ที่มีใบสั่งมา จะแบ่งจ่ายเป็น 3 ครั้ง 10 กิโลกรัม ยกให้เพียง 2 เรื่อง นอกจากนี้ สส.ฝ่ายชาย ถามจี้ว่าได้ชวนคนอื่นในพรรค ปชน. หรือไม่ ฝ่ายหญิง ตอบว่า ไม่ได้ชวน และหากโหวตไปแล้ว ทุกอย่างจะจบลงภายใน 2 วัน จะเงียบ ฝ่ายหญิงยังได้ชวนไปพบกันที่ปั๊มน้ำมัน เนื่องจากไม่มีกล้อง แต่ฝ่ายชายตอบว่า เป็น สส. ถ้าไปจะซวย
เนื้อหาบทสนทนาในคลิป ฝ่ายหญิง ยังได้พูดว่า เงินส่วนนี้มาจากฟากรัฐบาลที่เหนือรัฐบาลอีก พรรคสีต่างๆ ก็ได้เงินก้อนนี้มาเพื่อจัดตั้งพรรค และตอนนี้พรรคต่างๆ ก็จะมีบางพรรคที่ล่มสลายไป บางพรรคหลุดไป นี่คือวาระความเป็นจริงของศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) ถ้ามีอันไหนยุบ อันไหนหลุด ก็ยังมีเรือชูชีพ เขาไม่ได้บอกว่าคุณต้องสละเรือคุณ แล้วมาลงเรือชูชีพ มันเป็นแค่การยกมือ ลองกลับไปคิดดู ลองเรียกเงินมา การเมืองมันเป็นตลาดแบบนี้ เป็นใบสั่งจากผู้ชาย ไม่ยืนยันว่าเป็นพรรคการเมืองไหน แต่สูงกว่า บุคคลตัวย่อ ส. อย่าเดาเลย เดาก็ไม่ถูก
ด้าน "นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคลิปเสียงที่ สส.พรรคประชาชน อ้างว่าถูกซื้อให้โหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ จำนวน 10 กิโลกรัม ว่า ฟังคลิปแล้ว ต้องบอกว่าเลื่อนลอย ไม่รู้ใครส่งมา หากจะมีการเจรจากัน เขาไม่ใช้โทรศัพท์หรอก ต้องเรียกมาคุยกัน จะจ่ายเงินตั้ง 10 กิโลกรัม จะให้ใครไม่รู้โทรฯ มา จะมาอ้างฝ่ายรัฐบาลได้อย่างไร ก็บอกชัดๆ เอาไปให้ตำรวจแจ้งความเลยจะได้ดำเนินคดี ไปดีเอสไอก็ได้ จะได้ลากมาว่าเป็นใครบ้างโทรฯ ไปหาคุณ ต้องชัดเจน พูดแบบนี้เลื่อนลอย แล้วมาใส่ร้ายคนอื่น พี่น้องประชาชนฟังแล้วเป็นอย่างไร ผมฟังแล้วไม่เชื่อ ผมเป็นกลางที่สุดแล้ว ในใจพยายามจะเชื่อ แต่ถามว่าใครก็ไม่รู้โทรฯ มา ก็ไม่รู้อีก แล้วจะมาบอกว่าเอาเงินให้ 10 ล้าน ปัญญาอ่อนแล้ว แล้วไม่บอกว่าใครโทรฯ ไปจริงหรือ
ที่น่าสนใจ คือ จะมีการขยายผลตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ ใครอยู่เบื้องหลัง เพราะมี สส. พรรค ปชน. ได้รับการทาบทามในลักษณะนี้ด้วย และ สส.นนทบุรี ได้ลองไปตามนัดดูมาแล้ว จะให้เซ็นหนังสือสัญญา ซึ่งเป็นหนังสือสัญญาในลักษณะของหนังสือกู้ยืมเงิน ถ้ารับเงินแล้วไม่โหวตให้ หนังสือสัญญาดังกล่าวก็จะถูกนำไปใช้ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อไป แต่ สส.นนทบุรี ดังกล่าวไม่ได้ตอบตกลงอะไร เพราะตั้งใจจะไปดูเฉยๆ ดังนั้นเมื่อเคยเจอตัว และรู้จักชื่อแล้ว คงไม่ยากกับการตรวจสอบ
ขณะที่ "นายสนธิญา สวัสดี" อดีตที่ปรึกษาประธานคณะ กมธ.การกฎหมายการยุติธรรมฯ เดินทางยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี สส. พรรค ปชน. จำนวน 3 ราย ได้แก่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล และ 2 สส.ขอนแก่น คือ นายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง นายวีรนันท์ อวดศรี อ้างว่ามีการโทรศัพท์สายปริศนา ขอซื้อคะแนนเสียงให้ยกมือสนับสนุนผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ และ พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รายละ 10 ล้านบาท ทำให้สถาบันนิติบัญญัติที่เป็นสถาบันหลักเสียหาย ขอให้ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่โทรศัพท์เข้ามายัง สส. ทั้ง 2 ราย ว่าปลายสายเป็นใคร ตัวแทนพรรคการเมืองใด เพื่อดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยและทำลายสถาบันนิติบัญญัติ จึงขอให้ดีเอสไอช่วยใช้เครื่องมือตรวจสอบ เพื่อให้ความเป็นธรรม และเหตุใดพรรค ปชน.ถึงไม่ยอมไปแจ้งความดำเนินคดี เพื่อตรวจสอบ หรือจะเป็นการอุปโลกน์สร้างเรื่องขึ้นมาหรือไม่ เพราะเราไม่เห็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ เสียทีว่าเขาเป็นใคร
ข้อสงสัยของ "นายสนธิญา" ตรงกับความรู้สึกของหลายคน ทำไมพรรค ปชน. ไม่แจ้งความ ไม่พยายามเปิดโปงคนที่ติดต่อให้สังคมได้รับรู้ว่า เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองไหน และใครอยู่เบื้องหลัง
ส่วนอีกประเด็นร้อน หลังศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) กำหนดวันวินิจฉัยคดีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ กรณี "คลิปเสียง" สนทนากับ " สมเด็จฮุน เซน" ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยศาลได้กำหนดวินิจฉัยวันที่ 29 ส.ค.
แต่เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ศาล รธน. กำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลจํานวน 2 ปาก คือ ผู้ถูกร้องและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันพฤหัสบดีที่ 21 ส.ค. 68 เวลา 10.30 น. พยานบุคคลที่ ศาล รธน. เรียกหากไม่มาตามกําหนดนัด ถือว่าไม่ติดใจเป็นพยานบุคคล และให้ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องที่ประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีให้ยื่นเป็นหนังสือต่อศาลภายในวันพุธที่ 27 ส.ค. 68 หากไม่ยื่นภายในกําหนด ถือว่าไม่ติดใจยื่น โดยศาล รธน. นัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 29 ส.ค. 68 เวลา 09.30 น. นัดฟังคําวินิจฉัย เวลา 15.00 น.
แต่ในข้อเท็จจริงที่ปรากฏจริงๆ น.ส.แพทองธาร ได้ขออนุญาตให้ไต่สวนพยานบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ปาก เพื่อให้ศาลได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน แต่ศาลอนุญาตให้เพียง 1 ปากเท่านั้น โดยพยานที่เสนอไปประกอบด้วย 1.นายฉัตรชัย บางชวด ตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ในฐานะผู้ทำงานร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพ และยังเป็นบุคคลที่ทราบถึงเจตนาอันแท้จริงของตนเองในการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน 2.นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้สั่งการฝ่ายปกครองด้านชายแดน 3.พล.อ.ภุชงค์ รัตนวรรณ ข้าราชการบำนาญในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกัมพูชา ทำงานด้านปฏิบัติในกัมพูชามาตั้งแต่ยศร้อยโท และทำงานอยู่กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการรบพิเศษอย่างต่อเนื่อง 4.พล.ท.พุฒิพงษ์ ชีพสมุทร ตำแหน่งรองเจ้ากรมพระธรรมนูญทหาร ในฐานะผู้ชำนาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของทหารและเรื่องอำนาจอธิปไตยของประเทศ 5.นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ อดีตทูตประจำหลายประเทศ ในฐานะผู้ชำนาญด้านการต่างประเทศ และสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงวิธีปฏิบัติทางการทูตในการเจรจาแบบไม่เป็นทางการ สำหรับบุคคลที่ถูกจับตามอง คือ พล.อ.ภุชงค์ รัตนวรรณ เลขานุการองคมนตรี และหัวหน้าคณะทำงานของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี
ด้าน "นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช" เลขาธิการนายกฯ กล่าวถึงกรณี ศาล รธน. นัดไต่สวนพยานบุคคลเพิ่มเติมจำนวน 2 ปาก คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. กรณีคลิปเสียง ในวันที่ 21 ส.ค. ก่อนวินิจฉัยในวันที่ 29 ส.ค. นายกฯ จะไปเองหรือไม่ ว่า ถึงเวลาก็รู้เอง เชื่อว่า นายกฯ ตัดสินใจเอง ซึ่งแนวโน้มคงไป เมื่อถามว่า ในฐานะทีมงานของนายกฯ มั่นใจหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ และเจตนาดี ตนเชื่อว่า นี่เป็นเหตุผลสำคัญ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ แต่ได้โพสต์สตอรี่ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยมีการโพสต์ข้อความภาษาอังกฤษ ระบุว่า "Everything you do, comes back to you. Do good. Be good." ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า "ทุกสิ่งที่คุณทำจะย้อนกลับมาหาคุณ จงทำดี จงเป็นคนดี" นอกจากนี้ยังมีการโพสต์ข้อความภาษาอังกฤษ โดยแปลเป็นภาษาไทยว่า "หากคุณมีโอกาสทำให้คนอื่นมีความสุข ก็จงทำมัน บางครั้งคนอื่นก็กำลังดิ้นรนอย่างเงียบๆ และบางทีการแสดงความเมตตาของคุณ อาจทำให้วันของพวกเขาดีขึ้นก็ได้” พร้อมเขียนข้อความในสตอรี่ด้วยว่า “kindness is free ความเมตตา ไม่มีค่าใช้จ่าย"
ตราบใดที่ ศาล รธน. ยังไม่มีคำวินิจฉัยออกมา เชื่อว่าการคาดเดาถึงการตัดสินใจของ "นายกฯ อิ๊งค์" ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะมีผลต่อความเป็นไปของประเทศ เนื่องจากมีสถานะเป็นผู้นำรัฐบาล.
"ทีมข่าวการเมือง"