ศึกนอก ซ้อน ศึกใน “บิ๊กปู” จัดทัพภาค 2 ตท.26 ยึดอีสาน?
แม้อยู่ระหว่างทำศึกกับกัมพูชา ที่ถึงจะเป็นช่วงหยุดยิง แต่สงครามยังไม่จบ เพราะต้องทำสงครามการทูต การเมืองระหว่างประเทศ สงครามการสื่อสาร และการเตรียมพร้อมทำสงครามการสู้รบการเตรียมพร้อมกำลังทางทหารอยู่
แต่กองทัพบก ก็ยังคงต้องทำศึกภายในพร้อมๆกันด้วย ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ที่บัญชีรายชื่อ โผแรก ส่งเข้ากลาโหม 15 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมการประชุม หารือ ในระดับ บอร์ด 6 เสือกลาโหม ครั้งนี้แปลกพิเศษตรงที่ไม่มี รมว. กลาโหม แต่มี “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ทำหน้าที่รักษาราชการแทน เป็นประธานบอร์ดชุดนี้ ร่วมด้วย ปลัดกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ
แต่ทว่าก็ไม่มีผล ต่อการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายทหาร เพราะส่วนใหญ่อำนาจจะอยู่ในมือผู้บัญชาการเหล่าทัพที่สามารถจัดได้ตามที่ต้องการ โดยที่ฝ่ายการเมืองคือ รมว. กลาโหม หรือ รมช. กลาโหม หรือแม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถที่จะแทรกแซงได้
ดังนั้นการจัดทัพ วางตัวแม่ทัพนายกองจึงเป็นอำนาจเด็ดขาดของผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพบกที่ถูกจับตามองมากที่สุดเพราะเป็นเหล่าทัพใหญ่
และมีบทบาทสำคัญในการทำการสู้รบกับกัมพูชา ซึ่งมี “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. เป็นแม่ทัพใหญ่ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์มีอำนาจในการสั่งการสูงสุด ทั้งในส่วนของ ทบ. รวมถึงการขอการสนับสนุนจากทั้ง กองทัพเรือและ กองทัพอากาศ
โดยที่ พล.อ.พนา จะเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพคนเดียวที่ยังยังคงนั่งเก้าอี้ต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 2 ขณะที่ผู้นำเหล่าทัพคนอื่นจะเกษียณราชการ 30 กันยายน 2568 นี้ พร้อมกัน ทั้ง พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ
พล.อ.พนา ถูกจับตามองอย่างยิ่งในการจัดวางขุนพล ในกองทัพภาค 2 โดยเฉพาะตัวแม่ทัพภาค 2 คนใหม่ ที่จะมาแทน "แม่ทัพกุ้ง" พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่จะเกษียณราชการ โดยจะไม่มีการต่ออายุราชการ ตามที่มีเสียงเรียกร้องจากเอฟซี. แต่อย่างใด
เพราะถึงอย่างไร พล.ท.บุญสิน ก็จะยังคงช่วยแม่ทัพภาค 2 คนใหม่ในฐานะที่ปรึกษาต่อไป เพราะคาดการณ์ว่า แม่ทัพภาค 2 คนใหม่ก็คือ “บิ๊กเติ่ง” พล.ต.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ รองแม่ทัพภาค 2 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 26 ของ พล.ท.บุญสิน รวมทั้ง พล.อ.พนา นั่นเอง
ด้วยเพราะ พล.ต.วีระยุทธ ก็เติบโตมาตามเส้นทางของผู้ที่จะได้เป็นแม่ทัพภาคสองอยู่แล้วเพราะผ่านตำแหน่งผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ก่อนที่จะขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาค 2 และ ถือว่าเป็นนายทหารที่รู้พื้นที่ดีและมีประสบการณ์การรบในสมรภูมิเขาพระวิหารเมื่อ 2554
รวมถึงในการศึกกับเขมรครั้งนี้ พล.ต.วีระยุทธ รออยู่กับลูกน้องในพื้นที่หน้าแนว คอยบัญชาการสั่งการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การสู้รบ โดยเพราะ พล.ต.วีระยุทธ รับผิดชอบสายงานยุทธการ และงานการข่าวอยู่แล้ว แต่ ไม่ค่อยออกสื่อ และพูดน้อย จึงอาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก แต่สำหรับกำลังพลแล้วรู้ฝีมือดี ประกอบกับการเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.พนา ผบ.ทบ. และแม่ทัพบุญสินเอง จึงทำให้กลายเป็นตัวเต็งที่จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาค 2 คนต่อไป
แต่ในขณะเดียวกัน พล.ต.วีระยุทธ ก็มีคู่แข่ง ที่เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 26 อย่าง “บิ๊กยูร” พล.ต.นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาค 2 อีกคน ที่ ก็ไม่ อาจมองข้ามเพราะมีกองเชียร์ในรุ่นจำนวนมาก อีกครั้งมีสายสัมพันธ์คอนเน็คชั่น กับผู้ใหญ่ในกองทัพโดยเฉพาะกองทัพภาค 2 เหนียวแน่น แม้ว่าจะเติบโตมาจากอีสานเหนือ เคยเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี จึงทำให้เสียเปรียบ พล.ต.วีระยุทธ โดยเฉพาะในยามที่ต้องทำการสู้รบกับกัมพูชา จึงต้องมี แม่ทัพที่รู้พื้นที่ เพราะสำหรับ พล.ท.บุญสิน เองนั้นก็เติบโตมาจาก พล.ร.3 เช่นเดียวกับ พล.ต.นรธิป
แม้ว่าจะมีกระแสข่าวจากเตรียมทหารรุ่น 26 ว่าอย่ามองข้าม พล.ต.นรธิป ก็ตาม แต่หากพิจารณาโดยเอาภาพรวมของประเทศ และกองทัพบกโดยเฉพาะกองทัพภาค 2 ที่นับจากนี้จะไม่เหมือนเดิม เพราะต้องปรับเปลี่ยนในการรับภารกิจสำหรับรับมือกัมพูชา ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ ซึ่งจะต้องมีแม่ทัพภาค 2 ที่รู้พื้นที่และมีวิสัยทัศน์ มากุมบังเหียนเตรียมพร้อมในการสู้ศึกกับกัมพูชาในทุกรูปแบบ
แต่อย่างไรก็ตาม กองเชียร์ฝ่ายสนับสนุน พล.ต.วีระยุทธ ดูจะหนาแน่นกว่า อีกทั้งผลงานในห้วงที่ผ่านมา ก็ปรากฏแบบปิดทองหลังพระ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง พล.ท.บุญสิน มาตลอด
โดยสูตรอำนาจของเตรียมทหารรุ่น 26 จึงดัน พล.ต.วีระยุทธ เป็นแม่ทัพภาค 2 คนใหม่แล้วให้ พล.ต.นรธิป เป็นแม่ทัพน้อย 2 กล่าวได้ว่าได้พลโททั้งคู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เพื่อนร่วมรุ่นย่อมพอใจ เพราะเสมือนเป็นการปลอบใจกัน
อีกทั้ง สไตล์ของ พล.อ.พนา มักจะเลือกเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 26 มานั่งในตำแหน่งสำคัญเพื่อเป็นทีมเวิร์ค เนื่องจากตนเองต้องเป็นผบ.ทบ. ยาวนานถึง 3 ปีต้องสร้างความแข็งแกร่ง และถือว่าเพื่อนร่วมรุ่นเป็นคนที่ไว้วางใจได้มากที่สุด นั่นเอง
แต่หากเอาเรื่องประเทศชาติและกองทัพมาเป็นหลักในการคัดเลือกตัวแม่ทัพนายกอง จึงมีเสียงสนับสนุน พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 ให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาค 2 แต่ทว่าความเป็น เตรียมทหารรุ่น 27 รุ่นน้อง จึงทำให้เสียเปรียบ อีกทั้งเป็นที่รู้กันดีในกองทัพ ถึงปัญหาระหว่างรุ่นเตรียมทหาร 26 และเตรียมทหาร 27 ที่ควบแข่งกันมาในกองทัพไม่ใช่แค่กองทัพบกแต่เหล่าทัพอื่น ซึ่งถือเป็นธรรมชาติของรุ่นติดกันเพราะมีอายุราชการใกล้เคียงกัน ดังนั้นจึงต้องมีแค่คนใดคนหนึ่ง หรือรุ่นใดรุ่นหนึ่งได้คุมอำนาจ ยิ่งในยามที่มี ผบ.ทบ. เป็นเตรียมทหาร 26 โอกาสที่เตรียมทหาร 27 จะได้ขึ้นตำแหน่งสำคัญก็จะน้อยลงไปด้วย
แม้จะเป็นที่ยอมรับกันว่า พล.ต.ณัฏฐ์ เป็นแคนดิเดตที่มีความสามารถสูงและมีประสบการณ์การรบในพื้นที่มายาวนาน เพราะเติบโตมาในอีสานใต้เส้นทางเดียวกับ พล.ต.วีระยุทธ โดยที่ พล.ต.ณัฏฐ์ ก็ขึ้นเป็น ผบพล.ร.6 และ ผบ. กองกำลังสุรนารีต่อจาก พล.ต.วีระยุทธ
อีกทั้งที่ผ่านมา พล.ต.ณัฏฐ์ ปรากฏบทบาทชัดเจนในการแก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะการเจรจาให้ทหารเขมรถอนกำลังออกไปจากดินแดนไทย ที่ต้นพญาสัตตบรรณ แนวรบช่องบก ด้วยเพราะเป็นคนสุรินทร์และพูดภาษาเขมรได้ ในห้วงสงบจึงมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ ทางฝ่ายทหารกัมพูชาระดับสูง จึงสามารถเจรจาโน้มน้าว จนได้ผล
อีกทั้งยังทำศึกกับทหารกัมพูชามายาวนานแต่ก่อนศึกของพระวิหารในปี 2554 และยาวมาจนถึงปัจจุบัน และความโดดเด่นของ พล.ต.ณัฏฐ์ จากการที่สื่อมวลชนสนใจสัมภาษณ์และติดตามจากเฟสบุ้คของ พล.ต.ณัฏฐ์ ก็ทำให้เป็นที่พอใจ และ ถูกมองว่าอ๊อฟไซด์ แม่ทัพ หรือไม่ จนมีเสียงติติงมาจากแกนนำเตรียมทหาร 26 จนถึงขั้นที่รุ่นพี่ ต้องตักเตือนให้ลดบทบาท กัน เลยทีเดียว
แม้ว่า พล.ต.ณัฏฐ์ จะชี้แจงใน เฟสบุ้ค และในสื่อบางสำนัก ว่าสิ่งที่กระทำไปนั้น ก็เพื่อต้องการช่วยกองทัพช่วยชาติบ้านเมืองโดยไม่ได้หวังเรื่องตำแหน่งใดๆ เพราะในยามศึกสู้รบกับเขมรต้องเอาประเทศชาติเอากองทัพมาก่อน แม้ว่าจะไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของ พล.ต.ณัฏฐ์ ซึ่งเป็นรองแม่ทัพภาค 2 ที่ดูแลด้านส่งกำลังบำรุงไม่ได้เกี่ยวกับงานยุทธการก็ตาม แต่ก็ต้องการที่จะช่วยสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจได้อีกหนทางหนึ่ง
ขณะที่เสียงสะท้อนจากบรรดานักรบอีสานใต้ทหารในพื้นที่ ต่างก็สนับสนุน พล.ต.ณัฏฐ์ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นแม่ทัพภาค 2 แต่หากได้เป็น แม่ทัพน้อย 2 ก็จะสามารถ แทคทีม กับ พล.ต.วีระยุทธ ในการร่วมวางแผนรบกับกัมพูชาได้เป็น เพราะก็เคยร่วมรบกันมาในศึกเขาพระวิหารปี 2554 เอาชนะกัมพูชามาแล้ว
แต่ด้วยปัญหาภายในระหว่างรุ่นเตรียมทหาร 26 กับ เตรียมทหาร 27 ไม่ได้ส่งผลดีต่อตัว พล.ต.ณัฏฐ์ เท่าใดนัก เพราะมีกระแสข่าวว่า พล.ต.ณัฏฐ์ น่าจะถูกโยกออกจากกองทัพภาค 2 เข้ากองทัพบก หรือ กอ.รมน. อย่างดี ก็อาจจะได้เป็นพลโท แต่หากศึกในแรง ก็อาจจะยังต้องเป็นพลตรี ในตำแหน่งตบยุง ให้ทหารในพื้นที่เสียดายความสามารถ กันต่อไป
ท่ามกลางการจับตามองความเคลื่อนไหวในกองทัพภาค 2 โดยเฉพาะเมื่อพล.ท.กนก เนตระคเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาค2 ให้สัมภาษณ์ออกสื่อ พาดพิงว่ามีอดีตแม่ทัพภาค 2 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นและใกล้ชิดกับอดีตบิ๊กในกองทัพที่ยังคงมีบารมีในปัจจุบันพาแคนดิเดต แม่ทัพภาค 2 คนหนึ่งไปพบ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงอดีต รมว.กลาโหม มาแล้ว จนเป็นที่สอบถามกันว่า เป็นใคร
ดังนั้นแม้จะต้องสู้รบทำศึกกับกัมพูชา แต่ในขณะเดียวกันศึกภายในก็ยังบั่นทอนความเข้มแข็งและความแข็งแกร่ง ของทัพอีสานใต้ ด้วยไม่น้อย ทั้งหมดนี้อยู่ในมือและการตัดสินใจของพลเอกพนา ซึ่งถือว่าเป็นแม่ทัพใหญ่และแม่ทัพตัวจริง ในศึกครั้งนี้