วุฒิสภาเปิดเวทีสัมมนา “ภาษีทรัมป์” - “มงคล ”ชี้ไทยต้องเร่งเพิ่มขีดแข่งขัน
ห้องประชุมสัมมนา B1-1 อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการวุฒิสภา 5 คณะ ได้แก่ คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง การต่างประเทศ การพาณิชย์และการอุตสาหกรรม การเกษตรและสหกรณ์ และคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม จัดสัมมนาเรื่อง “ภาษีทรัมป์: โจทย์ใหญ่ของเศรษฐกิจไทยหลังการเจรจา” (Trump Tariffs: Thailand’s Economic Crossroads Post-Negotiation) โดยมี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานเปิดงาน
นายมงคล กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า “ภาษีทรัมป์” ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ประเทศไทยต้องเผชิญ เพราะไม่เพียงกระทบการส่งออก แต่ยังส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน การจ้างงาน และศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจไทย
แม้ไทยจะได้อัตราภาษีนำเข้าอยู่ที่ร้อยละ 19 ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่หลายฝ่ายเคยวิตก แต่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่น่ายินดีนัก เพราะบริบทโลกปัจจุบันเป็น “ยุคการค้าเสรีที่เต็มไปด้วยกำแพงกีดกัน” ประเทศต่าง ๆ ใช้นโยบายภาษีเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายใน ขณะที่ไทยเองยังต้องเผชิญการแข่งขันจากสินค้าต้นทุนต่ำและการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตที่เกิดขึ้นทั่วโลก
นายมงคล ย้ำว่า ประเทศไทยต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะการลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้ผู้บริโภคในประเทศได้สินค้าราคาถูก ขณะเดียวกันก็สามารถส่งออกในราคาที่แข่งขันได้
พร้อมกันนี้ ภาคการผลิตต้องปรับไปสู่สินค้าที่มีนวัตกรรมและมูลค่าเพิ่มสูง ตลอดจนสร้างระบบสนับสนุนให้ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เข้าไปมีบทบาทในห่วงโซ่การผลิตโลกมากขึ้น “หากเราทำได้จริงจัง ไทยจะยังคงรักษาตำแหน่งในตลาดโลก พลิกวิกฤติให้กลายเป็นโอกาส และเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” ประธานวุฒิสภากล่าว
การสัมมนาครั้งนี้ยังจัดขึ้นเพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นจากนักวิชาการ ผู้แทนภาครัฐ เอกชน และผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรายงาน Policy Brief เสนอต่อรัฐบาลในการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจในระยะยาว