หุ้นเวียดนามพุ่งแรงสุดในรอบ 4 ปี แซงทุกตลาดในเอเชีย รับอานิสงส์สหรัฐฯ ลดภาษี–เงินดอลลาร์อ่อนค่า
ตลาดหุ้นเวียดนามกลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง หลังดัชนี VN-Index ปรับตัวขึ้นกว่า 22% ตั้งแต่ต้นปี 2025 แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2021 โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการที่สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามจาก 46% เหลือ 20% ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และกระแสคาดหวังว่า FTSE Russell จะปรับสถานะเวียดนามจากตลาดชายขอบ (Frontier Market) สู่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)
Bloomberg รายงานว่า การปรับลดภาษีดังกล่าวเป็นผลจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยหลังข้อตกลงดังกล่าว ธนาคาร JPMorgan ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเวียดนาม พร้อมกับตั้งเป้าหมายดัชนี VN-Index ปลายปีไว้ที่ 1,600 จุด
การไหลเข้าของเม็ดเงินทุนต่างชาติเริ่มกลับมาให้เห็นชัดเจน โดยในเดือนกรกฎาคม มีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิถึง 298 ล้านดอลลาร์ นับเป็นเดือนที่สองในรอบปีที่ต่างชาติกลับเข้าซื้อสุทธิ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงเมื่อเทียบกับภูมิภาค ยิ่งส่งเสริมให้เวียดนามกลายเป็นปลายทางของเงินทุนจากทั่วโลก
นอกจากนักลงทุนสถาบัน รายย่อยก็กลับมาในตลาดอย่างคึกคัก โดยในครึ่งปีแรกมีการเปิดบัญชีซื้อขายใหม่กว่า 970,000 บัญชี ทำให้ยอดรวมบัญชีแตะ 10 ล้านบัญชี ขยับเข้าใกล้เป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีบัญชีรวม 11 ล้านภายในปี 2030
นักลงทุนในประเทศหลายรายระบุว่าบรรยากาศการลงทุนขณะนี้คล้ายคลึงกับปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงบูมของนักลงทุนรายย่อยในเวียดนาม บางรายถึงขั้นเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเก็งกำไรเต็มตัว โดยมีคำขวัญ “Make VN Index 1,800” แพร่หลายในห้องสนทนาออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ความร้อนแรงของตลาดก็ก่อให้เกิดความกังวลเรื่องความยั่งยืน โดยปริมาณมาร์จิ้นในระบบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10,900 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 หาก Sentiment กลับเป็นลบ ตลาดอาจเผชิญแรงขายอย่างฉับพลันเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นช่วงต้นปี 2022 ซึ่งดัชนี VN-Index เคยร่วงกว่า 20% ภายในเวลาเพียงสี่เดือน
ความไม่แน่นอนอีกประการคือโอกาสที่สหรัฐฯ อาจพิจารณาเก็บภาษี 40% กับสินค้าที่เชื่อว่าผ่านการ “สวมสิทธิ์” จากประเทศอื่นผ่านเวียดนาม ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่น ขณะเดียวกันยังไม่มีความชัดเจนว่า FTSE จะอัปเกรดเวียดนามในปีนี้ตามที่ตลาดคาดหวัง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายยังคงมองบวก โดยชี้ว่าเวียดนามมีจุดแข็งด้านความมีเสถียรภาพทางการเมือง ความได้เปรียบด้านการค้า และนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจน เช่น เป้าหมาย GDP โตมากกว่า 8% ในปีนี้ ซึ่งจะส่งเสริมการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในระยะยาว
โอกาสลงทุนกองทุนหุ้นเวียดนาม
PRINCIPAL VNEQ-A เป็นกองทุนหุ้นเวียดนามศักยภาพสูง เป็นตลาดที่ถูกและดี เหมาะกับการสะสมในระยะยาว เพราะมีโอกาสจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริงจากสงครามการค้า จากการเร่งให้เกิด China+1 ย้ายฐานผลิตออกจากจีน และเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันจากอัตรา Tariff ที่โดนน้อยกว่าคู่แข่ง
อ้างอิง: Bloomberg
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299