โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

หุ้นชิปเอเชียร่วงหลังทรัมป์ประกาศภาษีชิป100%เว้นบริษัทที่ลงทุนในสหรัฐฯ

Amarin TV

เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว
หุ้นชิปเอเชียร่วง หลังทรัมป์ประกาศฟาดภาษีชิป 100% เว้นบริษัทที่ลงทุนในสหรัฐฯ

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม เริ่มต้นอย่างเงียบเหงา หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ในอัตราสูงถึง 100% สร้างแรงกระแทกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างมีนัยสำคัญ และกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เปิดตลาดด้วยแรงกดดัน แต่ภายหลังเริ่มฟื้นตัวเมื่อข่าวถูกรับรู้ไปบางส่วนแล้ว โดยหุ้นของบริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เปิดตลาดด้วยแรงขาย ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงแตะระดับต่ำสุดของวันที่ 145.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นการปรับลดลง 1.35% จากราคาปิดวันก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม หุ้นสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 148.00 บาทต่อหุ้นในเวลาต่อมา

ส่วนหุ้น HANA ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดที่ 22.30 บาทต่อหุ้น ลดลงถึง 3.04% ก่อนจะรีบาวด์กลับมาปิดที่ระดับ 22.80 บาท ด้านหุ้น KCE ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผ่นวงจรพิมพ์รายใหญ่ของไทย ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 24.20 บาท หรือลดลง 2.02% ก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ 24.60 บาท

ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ยังส่งผลสะเทือนลุกลามไปยังตลาดหุ้นรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของมาตรการภาษีชุดใหม่

ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น หุ้นของ Tokyo Electron ผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับการผลิตชิป เปิดตลาดด้วยการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วถึง 3.4% ขณะที่ Renesas หนึ่งในผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายสำคัญของญี่ปุ่นก็ปรับตัวลง 2.5% เช่นกัน ด้านตลาดหุ้นเกาหลีใต้ หุ้นของ SK Hynix ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ระดับโลก ร่วงลงถึง 2.9% ส่วนในไต้หวัน นักลงทุนต่างจับตาการเคลื่อนไหวของหุ้น Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกที่มีสถานะสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก และมีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการภาษีดังกล่าว

นอกจากบริษัทขนาดใหญ่โดยตรงแล้ว บริษัทรายอื่นที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่การผลิตชิปก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เช่น Disco Corporation ผู้ผลิตเครื่องตัดวัสดุความแม่นยำของญี่ปุ่น ราคาหุ้นปรับลดลง 1.3% ขณะที่ Sumco ซึ่งเป็นผู้ผลิตเวเฟอร์ซิลิคอนสำคัญของอุตสาหกรรม ก็ปรับตัวลดลง 1.7%

มาตรการภาษีดังกล่าวสะท้อนจุดยืนของทรัมป์ในการผลักดันให้ภาคการผลิตเทคโนโลยีกลับคืนสู่สหรัฐฯ อย่างจริงจัง ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความกังวลว่าแรงกระเพื่อมนี้อาจขยายวงไปสู่ภาคเทคโนโลยีระดับโลกในลำดับถัดไป

เปิดรายละเอียดภาษีชิป 100% Apple รอดตัว

ในวันนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยแผนการจัดเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และชิปในอัตราสูงถึง 100% โดยยกเว้นให้เฉพาะบริษัทที่ผลิตหรือให้คำมั่นว่าจะผลิตในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับ ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Apple Inc. ณ ทำเนียบขาว ซึ่งในโอกาสเดียวกันได้ประกาศแผนการลงทุนใหม่ในสหรัฐฯ มูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์

ทรัมป์ระบุว่า “เรากำลังจะเก็บภาษีชิปและเซมิคอนดักเตอร์ในอัตราที่สูงมาก แต่ข่าวดีสำหรับบริษัทอย่างแอปเปิลคือ ถ้าคุณผลิตอยู่ในสหรัฐฯ หรือให้คำมั่นว่าจะผลิตจริง ๆ โดยไม่มีข้อแม้ ก็ไม่ต้องเสียภาษีเลย” เขายังเน้นเพิ่มเติมว่า แม้จะยังไม่เริ่มผลิตจริง แต่หากเริ่มก่อสร้างหรือลงทุนแล้ว ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเช่นกัน

เขายังกล่าวด้วยว่า ผลิตภัณฑ์หลักของแอปเปิลอย่างสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และจอมอนิเตอร์ จะยังไม่ถูกรวมอยู่ในมาตรการภาษีชุดนี้ในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าอาจมีมาตรการภาษีใหม่ตามมา ซึ่งจะครอบคลุมสินค้าทุกประเภทที่มีชิปเป็นส่วนประกอบ การได้รับการยกเว้นในครั้งนี้จึงนับเป็นชัยชนะเชิงกลยุทธ์ของแอปเปิล เนื่องจากหากต้องเผชิญภาษีเต็มรูปแบบ อาจทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับรายละเอียดของการลงทุน สื่อต่างประเทศรายงานว่า แผนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ของแอปเปิลจะเน้นการขยายกำลังการผลิตภายในประเทศ โดยมีพันธมิตรร่วมโครงการ เช่น Corning Inc., Applied Materials และ Texas Instruments โดย Corning จะเปิดสายการผลิตกระจกสำหรับอุปกรณ์ของแอปเปิลในรัฐเคนทักกี้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มจำนวนพนักงานในพื้นที่ถึง 50% โรงงานแห่งนี้เป็นสถานที่ผลิตกระจกให้กับ iPhone รุ่นแรกอีกด้วย

ทั้งนี้ แอปเปิลเคยประกาศแผนลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 4 ปี ครอบคลุมโรงงานเซิร์ฟเวอร์ ศูนย์ฝึกอบรม และการสนับสนุนซัพพลายเออร์ในประเทศ ซึ่งเมื่อรวมกับแผนล่าสุด จะทำให้ยอดการลงทุนรวมของแอปเปิลในสหรัฐฯ แตะระดับ 600,000 ล้านดอลลาร์

บริษัทที่ยังไม่มีโรงงานผลิตหรือแผนลงทุนในสหรัฐฯ กระทบหนัก

แม้แอปเปิลจะได้รับการยกเว้นจากมาตรการภาษี แต่การบังคับใช้ภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า “ยังไม่ได้แจ้งให้ทิม คุกทราบล่วงหน้า” อาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตภายในสหรัฐฯ

แม้ว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่ง เช่น TSMC, Samsung, Texas Instruments, Micron และ GlobalFoundries จะให้คำมั่นในการขยายกำลังการผลิตภายในสหรัฐฯ อยู่แล้ว ส่วน Intel ยังคงมีโรงงานในรัฐโอเรกอน นิวเม็กซิโก และแอริโซนา แม้ว่าโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในโอไฮโอจะประสบปัญหาล่าช้าเนื่องจากภาวะขาดทุน แต่บริษัทออกแบบชิปอย่าง Nvidia และ AMD ซึ่งพึ่งพาการผลิตจาก TSMC และ Samsung เป็นหลัก กลับยังไม่มีทางเลือกสำหรับการผลิตภายในสหรัฐฯ อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในส่วนของสายการผลิตขั้นสูงที่นอกเอเชียยังมีอยู่อย่างจำกัด

ทรัมป์ยังประกาศเตรียมเรียกเก็บภาษีกับสินค้าไอทีที่ผลิตจากอินเดีย ซึ่งเป็นฐานการผลิต iPhone สำคัญของแอปเปิล โดยเริ่มเก็บที่อัตรา 50% แบ่งเป็นสองระยะ โดยระยะแรกจะเริ่มมีผลในช่วงหลังเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดี ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายเดือน มาตรการนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้กรณีอินเดียซื้อพลังงานจากรัสเซีย

ในเวลาเดียวกัน เวียดนาม ซึ่งเป็นฐานผลิตอุปกรณ์สำคัญของแอปเปิลอย่าง Apple Watch, iPad และ MacBook ก็เพิ่งถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 20% ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานของแอปเปิลเผชิญแรงกดดันมากขึ้นในหลายทิศทาง

แม้แอปเปิลจะมีแผนลงทุนครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ แต่ยังไม่ถึงขั้นย้ายสายการผลิตทั้งหมดกลับประเทศตามที่ทรัมป์ต้องการ ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยขู่ว่าหาก Apple ไม่ย้ายโรงงานกลับมา ทรัมป์อาจเก็บภาษี iPhone ในอัตราอย่างน้อย 25% ทิม คุก ชี้แจงว่า การประกอบ iPhone ขั้นสุดท้าย “ยังคงต้องทำที่อื่นไปอีกสักพัก” แต่ยืนยันว่าชิ้นส่วนสำคัญจำนวนมากผลิตในสหรัฐฯ แล้ว

แม้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าบริษัทใดจะได้รับการยกเว้นภายใต้มาตรการภาษีดังกล่าว แต่ทรัมป์ก็ยกตัวอย่างแอปเปิลว่าเป็นบริษัทที่ “ทำถูกทาง” ด้วยการเลือกลงทุนในประเทศอย่างจริงจัง

หุ้นกลุ่มชิปในตลาดสหรัฐฯ ยังทรงตัว นักลงทุนไม่ตื่นตระหนก

ตรงข้ามกับหุ้นในตลาดเอเชีย แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ กลับเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง โดยไม่มีอาการตื่นตระหนกให้เห็น ต่างจากบรรยากาศในฝั่งเอเชียที่แรงกระแทกของข่าวนี้ส่งผลต่อดัชนีทันที

ในช่วงการซื้อขายนอกเวลาทำการ ราคาหุ้นของ Nvidia Corp. ขยับขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 0.6% ขณะที่ Advanced Micro Devices หรือ AMD ขยับขึ้นประมาณ 1% ส่วน Marvell Technology ก็ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเช่นกัน ขณะเดียวกัน Broadcom และ Qualcomm แม้จะได้รับแรงกดดันเล็กน้อยจากบรรยากาศโดยรวม แต่ราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงในระดับจำกัด ไม่มีการเทขายอย่างรุนแรง

ปัจจัยหนึ่งที่ช่วยพยุงความเชื่อมั่นของนักลงทุนคือท่าทีเชิงรุกของ Nvidia ที่ได้ประกาศแผนลงทุนขนาดใหญ่ภายในสหรัฐฯ ไปก่อนหน้านี้ โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทได้ให้คำมั่นว่าจะทุ่มงบลงทุนสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 4 ปีข้างหน้า เพื่อลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงการพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ แม้ว่าในทางปฏิบัติบริษัทจะยังคงมีฐานการผลิตในต่างประเทศอยู่บ้าง แต่คำมั่นนี้อาจเพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวทรัมป์มองเห็นความร่วมมือในเชิงบวก และอาจส่งผลต่อท่าทีที่มีต่อ Nvidia ในอนาคต

ในขณะเดียวกัน บรรดาบริษัทที่มีฐานการผลิตอยู่ในสหรัฐฯ อย่างชัดเจนก็เริ่มได้รับอานิสงส์จากกระแสนี้เช่นกัน Texas Instruments เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับแรงหนุนจากความมั่นใจของนักลงทุน โดยราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นราว 2% ส่วน GlobalFoundries ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตชิปรายสำคัญที่มีโรงงานภายในสหรัฐฯ ก็ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นถึง 8% ขณะที่ Intel Corp. ซึ่งแม้จะมีบทบาทลดลงในตลาดโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นผู้ผลิตที่มีโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ และราคาหุ้นของบริษัทก็ปรับขึ้นเล็กน้อยที่ 0.7% ในช่วงหลังเวลาทำการ

นอกจากนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวที่หนักแน่นจากฝั่งรัฐบาล นักวิเคราะห์และนักลงทุนจำนวนไม่น้อยยังคงตั้งข้อสงสัยถึงความจริงจังของนโยบายภาษีฉบับนี้ โดยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่สะท้อนมุมมองว่า นี่อาจเป็นเพียงเกมการเมืองในแบบฉบับของทรัมป์ ซึ่งเคยใช้ถ้อยคำแข็งกร้าวหลายครั้งเพื่อกดดันทางจิตวิทยา ก่อนจะล่าถอยในจังหวะสุดท้าย จนเกิดคำเปรียบเปรยที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “TACO” หรือ “Trump Always Chickens Out” ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมที่มักจะไม่ลงมือจริงแม้จะข่มขู่ไว้รุนแรงเพียงใด

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดยังคงรับมือด้วยความระมัดระวังในระยะสั้น คำถามที่นักลงทุนและภาคธุรกิจทั่วโลกต่างเฝ้าติดตามคือ มาตรการภาษี 100% ดังกล่าวจะกลายเป็นจริงหรือไม่ และหากเกิดขึ้นจริง โครงสร้างห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ทั้งในมิติของการลงทุน การผลิต และการแข่งขันทางยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศที่ต่างต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขันในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นสินทรัพย์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Amarin TV

หมดอนาคต! รวบ ด.ญ.วัย12-แฟนหนุ่ม 35 พร้อมยาบ้ากว่า40,000เม็ด

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ชาวบ้านศรีสะเกษวิตก หวั่นเกิดปะทะอีก หลังทหารเหยียบกับระเบิด

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

พายุฝนตกถล่มเพชรบุรี ซัดต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับเพิงพักยายวัย 94 ปี เจ็บ

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ยายน้องน้ำโขง ฝากบอก ฮุนเซน มารับผิดชอบความชั่ว หลังยิงจรวดทำหลานตาย

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความหุ้น การลงทุนอื่น ๆ

ลงทุนหุ้นนอก Mercado Libre : "Amazon" แห่งอเมริกาใต้

Stock2morrow

ไฮไลท์โปรโมชั่นจากธนาคารกรุงไทย ในงาน MONEY EXPO 2025 KORAT

การเงินธนาคาร

ไฮไลท์โปรโมชั่นจากธนาคารออมสิน ในงาน MONEY EXPO 2025 KORAT

การเงินธนาคาร

ไฮไลท์โปรโมชั่นจากธนาคารกรุงเทพ ในงาน MONEY EXPO 2025 KORAT

การเงินธนาคาร

ไฮไลท์โปรโมชั่นจากธนาคารกสิกรไทย ในงาน MONEY EXPO 2025 KORAT

การเงินธนาคาร

AMARC สุดปัง! บุ๊คงบ Q2/68 กำไรทะยาน 863.2% บอร์ดไฟเขียว!

The Better

หุ้นแอปเปิล พุ่ง 13% แรงสุดในรอบ 5 ปี หลัง ทิม คุก พบ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว

การเงินธนาคาร

คืบ ‘หุ้น MORE’ ศาลไม่ให้ประกันตัว 28 ราย คดีประวัติศาสตร์

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

อย่าเพิ่งดีใจกับภาษี 19% ภาคการผลิตไทยยังเปราะบาง โรงงานเปิดใหม่น้อยลง

Amarin TV

เกาหลีใต้ไฟเขียวฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน 9 เดือน ดันหุ้นท่องเที่ยวพุ่ง

Amarin TV

จีนจะเสียมูลค่าส่งออก 15.7 ล้านล้านบาทใน 2 ปี หากทรัมป์ไม่ลดภาษี

Amarin TV
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...