แพลตฟอร์มเทรน AI เปิดเกมรุก หลัง Meta ถือหุ้น Scale AI
แพลตฟอร์มเทรน AI ทั่วโลกแห่ชิงโอกาส หลังดีลระหว่าง Meta และ Scale AI จุดชนวนความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม พร้อมเผยลูกค้า-ฟรีแลนซ์แห่ย้ายแพลตฟอร์มจน “เซิร์ฟเวอร์แทบระเบิด”
6 ก.ค. 2568- เว็บไซต์ Businessinsider รายงานว่า หลังจากที่ Meta ทุ่มงบมหาศาลกว่า 14.3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าถือหุ้น 49% ใน Scale AI ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลสำหรับเทรนโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งผลให้ขณะนี้แพลตฟอร์มเทรน AI ทั่วโลกกำลังเปิดเกมรุกอย่างหนัก เนื่องจากในทางธุรกิจแล้ว Scale AI ทำหน้าที่ให้บริการข้อมูลกับบริษัทคู่แข่งของ Meta เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Google, OpenAI หรือแม้แต่ xAI ของ Elon Musk ส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ต้องระงับหรือชะลอโครงการบางส่วนกับ Scale เพื่อทบทวนแนวทาง ส่งผลให้โอกาสทองตกอยู่กับบรรดาคู่แข่งของ Scale AI ที่ขยับตัวอย่างรวดเร็ว
Ryan Kolln ซีอีโอของ Appen บริษัทที่ทำ data annotation ให้สัมภาษณ์ว่า “ดีลนี้สร้างแรงสะเทือนครั้งใหญ่ และเปิดช่องว่างมหาศาลให้ Appen และบริษัทอื่นเข้าไปแทนที่ โดย Appen วางจุดขายว่าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมเน้นย้ำความเป็นกลางด้านข้อมูล ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ลูกค้าให้ความสำคัญมากขึ้นหลังเกิดดีลนี้”
ขณะที่ Phelim Bradley ซีอีโอของบริษัท Prolific จากสหราชอาณาจักร ซึ่งให้บริการฟรีแลนซ์คุณภาพสำหรับงานวิจัย AI ทั้งเชิงวิชาการและเชิงพาณิชย์ ก็ใช้แนวทางคล้ายกัน โดยย้ำว่า “เราไม่สร้างโมเดลของตัวเอง ไม่แข่งขันกับลูกค้า และไม่มีแรงจูงใจที่ขัดแย้งกัน เพราะตอนนี้ลูกค้ารายใหญ่เริ่มระวังการผูกสัมพันธ์กับผู้ให้บริการรายเดียวมากขึ้น เช่นเดียวกับแนวโน้มที่ธุรกิจใช้บริการคลาวด์จากหลายเจ้าเพื่อลดความเสี่ยง”
ท่ามกลางสถานการณ์นี้ โฆษกของ Scale AI ได้ชี้แจงกับทาง Business Insider ว่า “ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และข้อมูลลูกค้ายังคงปลอดภัย” พร้อมกล่าวหาว่าคู่แข่งรายเล็กบางรายกำลังปลุกปั่นความเข้าใจผิดเพื่อตักตวงผลประโยชน์
ไม่เพียงลูกค้าเท่านั้นที่หันไปหาคู่แข่ง Scale AI แต่ยังมีฟรีแลนซ์จำนวนมาก โดยเฉพาะจากอินเดียและฟิลิปปินส์ ที่สมัครงานกับบริษัทคู่แข่ง หลังโครงการหลายโครงการของ Scale ถูกหยุดชั่วคราว
โดย Rowan Stone ซีอีโอของ Sapien AI เปิดเผยว่า “แค่ 48 ชั่วโมงหลังข่าว Meta กับ Scale AI ออกมา เราได้ annotator ใหม่เข้าระบบถึง 40,000 คน ตอนนี้เซิร์ฟเวอร์เรากำลังจะละลายแล้ว ทีมวิศวกรของเราต้องเร่งเสริมระบบรองรับอย่างเร่งด่วนตลอดสุดสัปดาห์เพื่อรับมือกับโหลดที่พุ่งสูง”
ขณะที่ Osvald Nitski หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ ของ Mercor AI ซึ่งเป็นสตาร์ตอัปที่พุ่งแรงในสนามนี้ ก็ระบุว่าได้รับใบสมัครจาก “พนักงานประจำของ Scale AI” ด้วยเช่นกัน โดยเขาระบุว่า “ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา Mercor ยุ่งมากจากการที่มีลูกค้ารายใหญ่ติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนการรับคนเข้าทำงานนั้น
บริษัทจะเลือกรับเฉพาะคนที่ดีที่สุดเท่านั้น เช่น ผู้ชนะโอลิมปิกคณิตศาสตร์ นักเรียนทุน Rhodes หรือระดับปริญญาเอก”
เมื่อบริษัท AI ชั้นนำต่างเริ่มประเมินความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ให้บริการรายเดียว การแข่งขันครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่อง “ข้อมูล” แต่คือสงครามแย่ง “ความไว้ใจ” และ “ความเป็นกลาง” ระหว่างผู้ให้บริการเทรนโมเดล AI
นับจากนี้ ความเคลื่อนไหวของ Scale AI และ Meta จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ว่าใครจะคว้าชัยในสนามแข่งขันที่ไม่มีใครอยากผูกมัดกับเพียงแค่เจ้าเดียวอีกต่อไป
อ้างอิง: www.businessinsider.com