โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

นักแสดงรุ่นเก่ายุค 90 คัมแบ็กรับงานอีกครั้ง เคลียร์ปมดราม่า ถูกหาว่าเป็นดาราตกอับ!

เดลินิวส์

อัพเดต 10 นาทีที่แล้ว • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
คัมแบ็กรับงานอีกครั้ง “หรั่ง เพชรฎี” นักแสดงรุ่นเก่ายุค 90 เผยสาเหตุห่างหายจากวงการบันเทิง เคลียร์ปมดราม่า ถูกหาว่าเป็นดาราตกอับ ลูกสาวคือแรงผลักดันทำให้คืนสู่จอ!

ห่างหายจากหน้าจอไปนานหลายปี สำหรับ “หรั่ง เพชรฎี ศรีฤกษ์” หรือ “หรั่ง รัฐธรรมนูญ” ได้ควงลูกสาวมาออกรายการครั้งแรก ซึ่งตนได้ออกมาเปิดใจสาเหตุที่หายไปจากวงการ แต่ล่าสุดเจ้าตัวขอคัมแบ็กกลับมารับงานวงการบันเทิงอีกครั้ง พร้อมเคลียร์ประเด็นดราม่า ถูกหาว่าเป็นดาราตกอับ ผ่านรายการคุยแซ่บSHOW ทางช่อง one31

หรั่ง เพชรฎี เผยว่า “ในช่วงยุค 90 ละครดังสร้างชื่อตอนนั้นคือตองหนึ่ง เรื่องต่อมาก็จะเป็นเงินเงินเงิน การะเกด แล้วก็จะมีเยอะมาก พูดถึงชื่อเมื่อก่อนจะเป็น “หรั่ง รัฐธรรมนูญ” แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็น “หรั่ง เพชรฎี” คือผมเป็นคนที่เกิดวันที่ 10 เดือนธันวา ตรงกับวันรัฐธรรมนูญพอดี แต่เมื่อก่อนผมชื่อธรรมนูญเฉยๆ แต่มีวันนึงผมกลับไปบ้านที่คุณพ่ออยุธยาและก็ไปเล่นกับเพื่อน เพื่อนเตะฟุตบอลและพอดีผมไปสมัครประกวดไว้ แล้วเขาก็โทรมาตาม และลิ้งค์สายที่วัดเขาก็จะโทรตามว่าคุณ หรั่ง รัฐธรรมนูญ รับสายหน่อย ก็เลยเก็ทขึ้นมาว่า เปลี่ยนชื่อนี้ก็น่าจะโอเคนะ พอเปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว เป็น “หรั่ง เพชรฎี ศรีฤกษ์” เพราะรัฐธรรมนูญมันชอบเปลี่ยนไปเป็นมีฉบับเก่าและฉบับใหม่ มันไม่คงที่สักที ประเทศไทยชอบเปลี่ยนรัฐธรรมนูญตลอดเวลา เราก็เลยคิดว่าเปลี่ยนเป็นเพชรฎีดีกว่า จะได้มั่นคง คงทนถาวร พอเปลี่ยนแล้วก็ดีขึ้น

ส่วนจุดเริ่มต้นของการเข้าวงการบันเทิงคือก็ประกวดเข้ามา ซึ่งก็มีดาราหลายคนที่ไปประกวดแล้วก็มีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างที่สามารถ พยัคฆ์อรุณ พี่มอลิสเค ก็ผ่านเวทีนี้มา แต่ผมเป็นรุ่นหลังๆ แล้ว จากวันที่ประกวด ถามว่าใช้เวลาที่มีชื่อเสียงเยอะมากนานไหม ก็หลังจากประกวดใช้เวลาเพียง 2 อาทิตย์เอง จากหน้ามือเป็นหลังมือ สถานีโทรทัศน์ช่องเจ็ดก็บอกว่าคนที่ได้รางวัลที่ 1-5 ต้องเข้าไปเทสหน้ากล้อง ผมก็เลยมีคอนแทคที่ช่อง ก็เลยได้เข้าไป ชีวิตก็จะหน้าหลังมือเลย แล้วชีวิตหลังจากนั้น บางอาทิตย์คือเราต้องเข้าไปเรียนการแสดง แล้วก็เข้ามาเปิดกล้องเรื่องแรกเลยคือเรื่องตองหนึ่ง ฟีดแบคที่กลับมามันดีมากๆดีจนผมคิดว่าตัวผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ แฟนแฟนละครไปไหนมาไหนก็ตอบรับอย่างดีมาก เมื่อก่อนนี้จะมีจดหมายเค้าชอบ คลั่งไคล้เราเค้าก็ส่งจดหมายให้ ทุกวันทุกวันวันนึงไม่ต่ำกว่า200- 300 ฉบับ อ่านไปประมาณ 90 ฉบับหลังจากนั้นก็ไม่ได้อ่าน แล้วก็ต้องมีทีมงานเตรียมไปรษณีย์ไว้ตอบกลับ

หลังจากที่ละครดังก็เห็นว่าหายไปเลยจากหน้าจอ คือมีปัญหาสุขภาพครับ ช่วงนั้นเราถ่ายละครแทบจะไม่มีเวลา สุขภาพหัวเข่าผมจะไม่ค่อยดีมากๆเลยเพราะผมเป็นคนชอบเล่นกีฬาตั้งแต่เล็กๆ ชอบเล่นฟุตบอลตั้งแต่ตอนเล็กๆ ก็ไม่ได้นึกว่าตัวเองต้องมาถ่ายละคร เพราะฉะนั้นปัญหาหัวเข่ามันก็ค่อนข้างลามขึ้น โดยที่เราไม่รู้ตัว ส่งผลต่อการทำงาน บางทีก็กำกับให้เราทำอะไรบางทีเราก็ทำไม่ได้ เก็บไว้คนเดียว เรื่องการนอนไม่หลับด้วยอีกสาเหตุ เราจะเป็นโรควิตกกังวลล่วงหน้า อย่างเช่นจะมีกองเปิดใหม่พรุ่งนี้ที่เราจะต้องไปเล่นเราจะต้องนอนพลิกไปพลิกมา ต้องไปเจอดาราใหม่ทีมงานใหม่ เป็นโรคที่คิดไปก่อน

เมื่อก่อนเราก็คิดว่ามันเป็นแค่โรควิตกกังวลของตัวเราเอง แต่พอเวลาผ่านไปหลายปีหลายปีเราว่ามันเป็นโรคแล้วแหละ ที่แก้ไม่หายสักที ก็เลยเปลี่ยนตัวเองแก้ด้วยการที่นอนก็ปิดไฟ คาเฟอีนก็เบาลง เวลาทำกิจกรรมอื่นๆเราก็จ เปลี่ยนท่าไม่อยู่ในท่าเดียว อย่างเช่นตัดหญ้าหน้าบ้าน ปกติเราตัดหญ้าเราก็จะได้อยู่แค่ท่าเดียวเพราะเวลาเราลุกขึ้นก็จะเหมือนฝืน ตอนนั้นที่มีปัญหาสุขภาพประมาณ 30 กว่า มันมาเร็วมากสาเหตุมาจากเราเล่นกีฬาหนัก บางทีมันเป็นช่วงเวลาของคน คนเราถ้าใช้ร่างกายหนัก และน้ำหนักมากเกินไปมันก็จะมาถึงเร็ว เวลาเกิดการกังวลและนอนไม่หลับส่งผลสุขภาพโทรม ดูเหมือนไม่ได้นอน ร่างกายซูบผอม ความจำจะไม่ค่อยดี เพราะเราไม่ได้นอนไม่ได้พักผ่อนหลายวันติดกัน ต้องหาวิธีแก้ไข

แต่บางคนใช้คำว่าพระเอกตกอับกับเราที่เราหายไปจากวงการ คือก็ไม่ทราบเลยพึ่งมาทราบ แต่พี่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร มองเป็นเรื่องธรรมดา การที่เรามีอาชีพเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอาชีพเรามองว่ามันดีนะ กับยุคสมัยปัจจุบันนี้ที่มันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก เราทำอะไรได้ก่อนเราก็ควรจะทำ ส่วนเข่าและอาการวิตกกังวลสามารถกลับมาทำงานได้แล้ว แต่ผมไม่ได้ผ่าตัดนะ เพราะคนเราถ้าปวดเข่าอยู่ดีๆ จะไปผ่าตัดเลยไม่ได้นะ ต้องดูอาการ 123 ว่าควรจะผ่าไหม ผมก็เคยไปหาคุณหมอนะคือคุณหมอคนแรก เขาก็เอาเครื่องปทุนผิว มาจับๆเรานิดเดียว เราก็หาย ผมกลับมาก็ทำตัวปกติแล้วก็เล่นกีฬาเหมือนเดิม ครั้งที่สองเพราะเป็นหนักเข้า เพราะว่าครั้งนั้นผมโยนลูกบอลปลายผมคิดว่าเพื่อนหนูเข้าแน่นอน ผมโยนปุ๊บมันรู้สึกเหมือนว่าหัวเข่าเราหลุด แรงที่ส่งไปหาเพื่อนมันเบามาก ผู้รักษาประตูออกมารับสบายมาก ทำให้ผมต้องตัดสินใจไปหาคุณหมออีกครั้ง ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าไม่เป็นไรสบายๆ ในใจเราก็ว่าสบายหรอแต่ก็ไม่ได้ผ่าตัดครั้งหนึ่ง ก็มารักษาตัวเองจนถึงทุกวันนี้”

หรั่ง เล่าต่อว่า “และสิ่งที่ทำให้กลับมารักงานละคร คือลูกสาวเป็นแรงบันดาลใจ ในช่วงที่ผมหายไป ได้ไปมีครอบครัว พอมีครอบครัวเป็นเขาขึ้นมา เขาเรียนอนุบาลเข้าสังคม โรงเรียนทุกคนครูอาจารย์เขาก็จะถามว่าพ่อเป็นดาราหรอ ไม่เห็นคุณพ่อเล่นละครเลย ก็ไปกดดันของผมมาหลายปี เพราะหลายปีเข้าผมก็รู้สึกว่าหรือจะกลับไปเล่นละครดีนะ อย่างน้อยลูกเราก็จะได้เห็นเราในโทรทัศน์ และเราก็จะจะได้ยืนยันให้ลูกเรารู้ด้วยว่าพ่อตัวจริง เป็นนักแสดงอย่างที่คนเขาพูด ผมก็เลยกลับไปเล่นละคร แล้วละครที่ผมเล่น ผมก็เลือกบริษัทที่ผมเขาได้ว่า ผมอาจจะมาช้าหน่อยเพราะต้องไปรับ-ส่งลูก ขอกลับเร็วหน่อยก็ต้องขอบคุณบริษัท

สำหรับเรื่องของลูกสาว ถ้าลูกสาวอยากเข้าวงการบันเทิงพร้อมที่จะสนับสนุนมั้ย อันนี้ก็ต้องดูความพร้อมของเขาว่าเขาพร้อมหรือยัง ไม่อยากให้เป็นภาระของวงการ ไม่ปิดโอกาส ผมจะนำเสนอเขาตลอดว่าคุณมีความสุขกับอะไรถ้ามีความสุขกันอย่างนั้นก็คือทำไปเลย ขอให้อยู่ในกรอบอยู่ในสังคมที่ยอมรับได้พอ ส่วนเรื่องคบกับภรรยามา 21 ปีแล้ว ถามว่ามันคือความลับหรือเป็นเรื่องที่คนไม่รู้ โดยนิสัยผมถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวก็จะทำตัวปกติไม่บอกใคร ถือว่าเป็นเรื่องปกติของผม ก็การคบกับภรรยาก็เป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆที่ไม่มีใครทราบ จนมีลูกก็ยังไม่มีใครทราบ อาจจะมีคนเคยเห็นหน้าแว๊บๆ เป็นผู้ มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ผมอยากจะเล่าให้ฟังว่าการที่ผมคบกับภรรยา

ก่อนหน้านี้ผมเคยนอนคิดนอนนึกเหมือนคนหนุ่มทั่วไป ว่าภรรยาของเราจะหน้าตาเป็นยังไง จนผมมาอยู่ในวงการผมก็ลืมเลื่อนไปแล้ว มีอยู่วันนึงพอผมเข้ามาเป็นดารา รับงานไว้ที่ตรงดอนเมืองพอไปถึงก็เหมือนงานแกรนด์โอเพนนิ่ง เปิดประตูเข้าไปผมก็เห็นผู้หญิงคนนี้ได้ทำงานอยู่ ลุกหน้าที่ผมเห็นครั้งแรกผมรู้สึกว่าเออใช่เลย เหมือนคนที่เราจินตนาการไว้เลย แล้ววันนั้นผมก็ทำอะไรไม่ได้เลยโชว์ตัวไม่ได้เลย แค่อยากจะไปเจอหน้าเขาให้ชัดๆ ว่าเหมือนในความฝันผมไหม ผมไม่เคยเล่าให้เขาฟังเลยมีแค่เกริ่นๆ แล้วพอผ่านไป 3-4 ปี ก็มีคนโทรมาว่าไปกินข้าวกับผมหน่อยผม รู้จักสาวสวยอยู่สองคน คนที่มากินข้าวคือผู้หญิงคนนี้ แต่ผมก็ยังจำเขาไม่ได้นะจนผมมา อยู่กินกับเขา3-4ปีถึงจะรู้ วันนึงผมได้ทานข้าวอยู่ แล้วเขานั่งอยู่หน้ากระจก ผมก็บอกว่าเธอฉันชอบเธอเพราะอะไรไม่รู้ แต่ใบหน้าเธอคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหน เคยไปแถวดอนเมืองไหม เขาก็หยิบรูปในลิ้นชักที่เขาถ่ายรูปคู่กับดารามาว่า เขาเคยทำงานอยู่ที่นั่น ซึ่งมันก็ตรงเป๊ะเลยซึ่งเราก็เล่าให้เขาฟังเขาก็อายแบบนี้

วันนี้มีเรื่องอยากบอกภรรยาและลูกสาวด้วย ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนและอยู่เป็นแฟน เป็นลูกสาวของผมมาทุกวันนี้ ก่อนหน้านี้ผมอาจจะไม่ดีพอ ที่เลี้ยงดูเขาไม่ดีแฟนอย่างผมมีบาดหมางกันบ้าง ก่อนหน้านี้ลูกสาวนั่งรถกับผมมาเขาพูดคำนึงผมรู้สึกเสียใจมาก เค้าบอกว่าป๊าเป็นดาราแต่ป๊าทำไมดูจนจังแล้วรถมันกำลังขับมาจอดอยู่หน้าบ้านพอดีเขาพูดคำนี้มันก็เลยจี๊ดขึ้นมาที่หัวใจผมเลยว่าเอ๊ะทำไมเราไม่พร้อมพอที่จะมีสิ่งมีชีวิตขึ้นมาแล้วก็เลี้ยงดูเขาให้ดี ก็อยากจะขอโทษเขาที่พ่อไม่พร้อมพอดีที่จะมีหนู แต่พอมีหนูขึ้นมาแล้วพ่อก็ อย่างนี้แหละ ถ้าพ่อเลือกที่จะห่างหายจากวงการบันเทิงไปหนูก็จะไม่เจอพ่อแบบนี้”

น้องออมพลอย เผยว่า “ถามถึงความรู้สึกที่คุณพ่อเราดังขนาดนี้ ก็รู้สึกประทับใจในงานคุณพ่อ คุณพ่อเป็นคนขยันเป็นคนจริงใจและสร้างผลงานดีๆ ไว้ ผลงานคุณพ่อที่ชอบ ก็เป็นละคร ละครจักรๆวงศ์ๆ ค่ะช่วงเช้า ของช่องเจ็ดเพราะว่าหนูเกิดทัน ตอนนี้หนูอายุ 19 ปี ก็ยังทันละครอยู่ ได้ดูก็รู้สึกภูมิใจในตัวคุณพ่อ เห็นคุณพ่อทางทีวี เราคือแรงบันดาลใจที่ให้พ่อกับมารับงาน เพราะอยากเห็นคุณพ่อในจออีกครั้งค่ะ คือรู้สึกดีค่ะที่เห็นคุณพ่อในจอ นั่นพ่อเรานะอยู่ในจอด้วย เวลาเราดูทีวีก็จะดูพร้อมกันกับคุณย่า ก็ขำบทบาทที่คุณพ่อเล่น พ่อก็บอกว่า ทำไปเพราะเงินทั้งนั้น ส่วนหนูจะแววที่จะเข้าวงการบันเทิงไหม ถ้ามีโอกาสหนูก็อยากเข้าวงการบันเทิงค่ะ แต่ตอนนี้หนูยังรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง อยากจะขอเวลาพัฒนาตัวเองก่อน

สำหรับเรื่องที่คุณพ่อดุ โห ก็ให้กลับบ้านไม่เกินหนึ่งทุ่มเวลาไปเที่ยวที่ไหนกับเพื่อนพ่อก็จะไปรับไปส่งตลอดตั้งแต่อนุบาลจนถึงตอนนี้ เวลาไปไหนก็ต้องส่งโลเคชั่นให้คุณพ่อว่าอยู่ที่ไหน ก็จะโทรตามกับคุณแม่ตลอดว่าอยู่ที่ไหน เราก็เคยต่อรองตลอดค่ะ กลับเลยเวลาได้ไหม คุณพ่อก็จะโกรธ ก็จะบอกว่าให้เวลาแค่นั้นไม่ใช่หรอ ทำไมถึงช้าอีกก็ต้องขอเหตุผล เราก็แค่อยากใช้ชีวิตวัยรุ่นกับเพื่อนบ้างแค่นั้น พอเราผิดกฎคุณพ่อมีงอนด้วย แต่เราก็ซื้อขนมให้คุณพ่อค่ะ คุณพ่อต้องง้อด้วยขนม คุณพ่อจะอารมณ์ดีขึ้น อาหารมาล่อก็จะอารมณ์ดีขึ้น”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

“บอม ธนิน” คัมแบ็กวงการกีฬา! คว้าชัย 2 แมตช์รวดก่อนจบทัวร์นาเมนต์

40 นาทีที่แล้ว

‘ศุภชัย’ กางกฎหมายแย้ง ‘ชูศักดิ์’ เคสหยุดปฏิบัติหน้าที่กรณี ‘บิ๊กตู่’ เทียบ ‘อิ๊งค์’เป็นคนละเรื่องกัน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

มัดรวมให้แล้วหวย 3 กูรูเจ้าแม่ใบ้หวยชื่อดัง ! เจ๊นุ๊ก-แม่น้ำหนึ่ง-เจ๊ฟองเบียร์”รอลุ้น 1 ก.ค.68

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘โบกี้ไลอ้อน’ ชิมลางเล่นหนังผีครั้งแรก เผยสิ่งลี้ลับที่สัมผัสได้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความบันเทิงอื่น ๆ

ลุ้นข่าวดี พระเอกดัง ยอมรับคุยเรื่องลูกกับแฟนสาวแล้ว

TeeNee.com

เปิดด้านมืดความรักไปกับ ‘Tell Me The Name’ ซิงเกิลใหม่จาก ‘Jeff Satur’

TODAY

จึ้งมาก! “ทาทา ยัง” คัมแบ็คสวยแซ่บ

daradaily

“เงากามเทพ” ลาจอ “มิกค์” เล่าโมเมนต์ประทับใจ

daradaily

“หลิงหลิง คอง” โพสต์ขอโทษ หลังมีดราม่าคล้ายล้อเลียนผู้พิการทางสายตา จะนำบทเรียนครั้งนี้ไปปรับปรุง!

daradaily

ยิ่งดูยิ่งพีค! The Voice Pride เสิร์ฟโชว์สุดปัง เสียงดี มีสตอรี่ ทำเอาโค้ชหมุนเก้าอี้รัว ๆ

The Voice Thailand

ปาฏิหารย์กลางงานหล่อเศียร “หลวงปู่สุข” เหล่าคนดังร่วมพิธีอย่างคับคั่ง

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

หลิงหลิงน้อมรับผิด ดราม่าคลิปแว่นดำคล้ายล้อเลียนผู้พิการทางสายตา

TeeNee.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘นิพิฏฐ์’ ห่วงชาวสวนมังคุด ชี้เศรษฐกิจฐานรากทรุด เปรียบรัฐใกล้ล้มเหลว

เดลินิวส์

1ก.ค.ศาลอาญาเริ่มสืบพยานนัดแรกคดี “ทักษิณ”ผิดม.112 เจ้าตัวยันมาแน่

เดลินิวส์

ยังไม่รู้ชะตากรรม!ไฟไหม้โรงงานกระดาษทิชชู สูญหาย10ราย-ยังควบคุมเพลงไม่ได้(คลิป)

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม
Loading...