โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ดูดวง

คึกฤทธิ์ชีวิตไทย (28)

สยามรัฐ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ลีลาชีวิต / ทวี สุรฤทธิกุล

การอยู่ “อย่างไทย” ทำได้หลายหลายวิธี สิ่งหนึ่งก็คือการใช้ชีวิตอยู่ใน “บ้านไทย”

ท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เกิดมาในสมัยที่บ้านเมืองกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก สิ่งหนึ่งคือแบบอย่างการใช้ชีวิต ที่ฝรั่งเรียกว่า “Lifestyle” เพราะตอนที่ท่านเกิดนั้นเป็นช่วงที่คนไทยโดยเฉพาะชนชั้นสูงกำลัง “เห่อฝรั่ง” คือนิยมใช้ชีวิตแบบฝรั่ง การกินอยู่ การแต่งกาย จนถึงบ้านเรือน ก็เป็นแบบฝรั่งไปเสียสิ้น ซึ่งก็อาจจะเป็นไปเพราะลัทธิล่าอาณานิคมที่แผ่ขยายเข้ามาในภูมิภาคนี้อย่างรุนแรงประการหนึ่ง และอาจจะเป็นไปด้วยนิสัย “ชอบของใหม่” อันเป็นปกติธรรมดาของมนุษย์ ที่อยากจะรู้ อยากเห็น หรืออยากทดลองของใหม่ ๆ เหล่านั้น

พวกฝรั่งที่เข้ามาในไทยในยุครัชกาลที่ 5 และ 6 ส่วนใหญ่จะมาตั้งบ้านเรือนอยู่ในย่าน “สีลม” ว่ากันว่าตั้งแต่ที่มีการตัดถนนเจริญกรุง ที่ฝรั่งเรียกว่า New Road ในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยเริ่มจากหน้าวัดพระเชตุพน (บริเวณหน้ากรมการรักษาดินแดนในปัจจุบัน) ตรงไปย่านสำเพ็ง ขนานไปตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยา ตัดปากคลองพ่อยมบริเวณตำบลบางรัก ถึงสิ้นสุดที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตำบลบางคอแหลม (บริเวณที่เป็นสะพานกรุงเทพในปัจจุบัน และเรียกตรงที่ถนนมาสิ้นสุดนั้นว่า “ถนนตก”) ความยาวประมาณ 8 กิโลเมตรเศษ โดยมีจดหมายเหตุกล่าวถึงเหตุผลในการสร้างถนนเจริญกรุงในครั้งนั้นว่า “มีชาวต่างประเทศเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ มากขึ้น และมีพวกกงสุลได้เข้าชื่อกันขอให้สร้างถนนสายยาวสำหรับขี่ม้าหรือนั่งรถม้าตากอากาศและอ้างว่า เข้ามาอยู่ที่กรุงเทพมหานครไม่มีถนนหนทางที่จะขี่รถม้าไปเที่ยว พากันเจ็บไข้เนือง ๆ”

ข้อมูลในวีกิพีเดียบอกว่า เมื่อสร้างถนนเจริญกรุงเสร็จใหม่ ๆ นั้น ยังไม่ได้พระราชทานนาม จึงเรียกกันทั่วไปว่า ถนนใหม่ และชาวยุโรปเรียกว่า New Road ชาวจีนเรียกตามสำเนียงแต้จิ๋วว่า ซิงพะโล่ว แปลว่าถนนตัดใหม่ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามถนนว่า "ถนนเจริญกรุง" ซึ่งมีความหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง เช่นเดียวกับชื่อถนนบำรุงเมืองและถนนเฟื่องนครซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในคราวเดียวกัน

"ทางที่ทำใหม่ตรงวัดพระเชตุพน ตรงออกไปนอกกำแพงข้ามคลองไปริมบ้านแขกเมืองเขมร เลี้ยวไปถึงป้อมปัจนึกแล้วข้ามคลองผดุงกรุงเกษม ตรงลงไปถึงบางคอแหลมนั้น โปรดเกล้าฯให้เรียกว่า ถนนเจริญกรุง ห้ามอย่าให้เรียกอย่างอื่นต่อไป จดหมายประกาศให้ราษฎรรู้จงทั่ว"

“ในขณะที่ตัดถนนเจริญกรุงตอนใน โปรดให้ตัดถนนบำรุงเมืองและถนนเฟื่องนครด้วย เมื่อหลักฐานว่าเมื่อ พ.ศ. 2407 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสถนนเจริญกรุงและถนนทุกสายที่สร้างในรัชกาล โปรดให้มีการฉลองถนนถึง 3 วัน 3 คืน หลังจากสร้างถนนเรียบร้อยแล้วจึงได้สร้างตึกแถวโดยได้แบบอย่างจากสิงคโปร์ ตึกแถวประดับโคมไฟซึ่งเริ่มจากการใช้ตะเกียงน้ำมัน แล้วเปลี่ยนมาใช้ไฟแก๊ส จนเมื่อ พ.ศ. 2427 มีการตั้งบริษัทไฟฟ้าสยามเป็นครั้งแรก ไฟตามท้องถนนจึงเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าแทน”

ที่ต้องกล่าวถึงเรื่องการตัดถนนเจริญกรุงนี้ขึ้นมา ก็เพราะท่านอาจารย์คึกฤทธิ์บอกว่า การพัฒนาบ้านเมืองของฝรั่งจะเริ่มด้วยการตัดถนนเป็นสิ่งแรก อย่างที่พวกโรมันได้ริเริ่มขึ้นในช่วงก่อนคริสตกาล ที่ได้ตัดถนนออกจากกรุงโรมไปทั่วทุกทิศทุกทางทั่วทวีปยุโรป ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นการแผ่ขยายอาณาเขตของจักรวรรดิโรม แต่ยังเป็นการ “แพร่กระจาย” ทางวัฒนธรรมแบบฝรั่ง ซึ่งชาวโรมันถือว่าพวกเขา “เป็นเจ้า” หรือผู้ให้กำเนิดในวัฒนธรรมชั้นสูงนี้ หรือในการสร้างบ้านเมืองในสหรัฐอเมริกา ทุกเมืองก็จะต้องเริ่มด้วยถนนสายหลักเป็นแกนอยู่ในแนวกลางเมือง มีส่วนราชการเป็นต้นว่าออฟฟิสนายอำเภอและไปรษณีย์อยู่ตรงกลาง รวมถึงร้านขายของชำและร้านตัดผม สุดปลายถนนด้านหนึ่งจะเป็นที่ตั้งของโบสถ์ให้ผู้คนได้ไปทำบุญ ส่วนอีกปลายด้านหนึ่งจะเป็นแหล่งบันเทิงเริงรมย์ เช่น ร้านเหล้าและซ่องโสเภณี ดังที่จะเห็นในหนังคาวบอยต่าง ๆ หรือถ้าไปเที่ยวโรงถ่ายภาพยนต์ก็จะมีเมืองจำลองแบบนี้ตั้งแสดงให้เข้าไปชม

สำหรับประเทศไทย แต่ไหนแต่ไรเรามีแม่น้ำเป็น “แกนชีวิต” ทั้งการตั้งบ้านเรือน การทำมาหากิน และการคมนาคมไปมาหาสู่กัน และเมื่อตั้งกรุงเทพฯเราก็มาตั้งริมแม่น้ำ โดยมีการขุดคูคลองต่าง ๆ อยู่รอบ ๆ จำนวนมาก กระนั้นตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 3 ก็มีการขุดคลองเป็นวงรอบพระนครถึง 3 ชั้น แต่ก็เป็นคูคลองเพื่อการป้องกันข้าศึกศัตรูไปเสียทั้งสิ้น กระทั่งในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ภายหลังจากที่ไทยจำยอมต้องทำสนธิสัญญาเบาว์ริงกับจักรวรรดิอังกฤษ ในทางตรงนั้นเราได้เสียอธิปไตยในราชอาณาจักรบางส่วนนั้นไปแล้ว แต่ในทางอ้อมได้ทำให้การค้าทางเรือของไทยขยายตัวไปอย่างมหาศาล แต่เดิมที่เราเคยได้แต่ขายข้าวและของป่ากับจีนเป็นส่วนใหญ่มาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 2 และ 3 แต่ครั้นอังกฤษมาบังคับให้ไทยต้องเปิดประเทศ เราก็ขายสินค้าให้กับฝรั่งมากขึ้นด้วย ทำให้มีการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกนี้ขยายตัวไปรอบ ๆ พระนคร ดังนั้นในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงมีการขุดคลองเชื่อมเมืองต่าง ๆ รอบกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้มีการขนส่งสินค้าต่าง ๆ เข้ามายังท่าเรือที่กรุงเทพฯได้สะดวกมากขึ้น จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ก็มีการก่อสร้างทางรถไฟ รวมถึงถนนสายหลัก ๆ อีกหลายสาย ทำให้ประเทศไทยเชื่อมโยงไปได้ทั่วถึงกัน และนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองในด้านต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบัน

ครั้นถึง พ.ศ. 2438 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว “เจ้าสัวยม” ได้บริจาคที่ดินตั้งแต่แยกถนนวิทยุ ตรงที่ต่อกับถนนวัวลำพอง (ปัจจุบันคือถนนพระราม 4) เลียบตรงมาขนานกับถนนสีลมไปทางทิศตะวันออกจนจรดแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงออกค่าจ้างแรงงานกรรมกรชาวจีนให้ขุดคลองขึ้นสายหนึ่ง แต่แรกจึงเรียกว่าคลองเจ้าสัวยม (หรือบางส่วนก็เรียก “คลองพ่อยม”) ต่อมาเจ้าสัวยมนี้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “หลวงสาธรราชายุตก์” จึงให้เรียกคลองนี้ว่า “คลองหลวงสาธรราชายุตก์” แต่ผู้คนสะดวกที่จะเรียกสั้น ๆ ว่า “คลองสาธร” มาโดยตลอด (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น “สาทร” ตามหลักภาษาที่ปราชญ์สมัยใหม่ท่านว่าถูกต้องกว่า)

ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์สันนิษฐานว่า ย่านสีลมและคลองสาธรที่ถนนเจริญกรุงตัดผ่านนี้ คงไม่ใช้เพียงเพื่อ “ให้นายห้างฝรั่งมาขี่ม้าเล่น” ดังเช่นที่ในจดหมายเหตุครั้งแรกสร้างถนนนี้ได้กล่าวไว้ แต่อาจจะมีความเชื่อมโยงไปได้ว่า พอมีคนจีนอพยพเข้ามาประเทศไทยมาก ๆ ตั้งแต่ที่เราสร้างพระนครแห่งใหม่นี้ขึ้นมาในสมัยรัชกาลที่ 1 ครั้นสร้างพระนครแล้วเสร็จ แรงงานชาวจีนก็หาทางไปรับจ้างอื่น ๆ ตั้งแต่รับจ้างฝรั่งไปจนถึงคนไทย อีกทั้งคนไทยก็ไม่ชอบค้าขายหรือทำไร่ทำสวน จะมีบ้างก็คืออาชีพทำนาที่ทำมาตั้งแต่เก่าก่อนนั้น ดังนั้นคนจีนจึงมาเช่าที่ดินคนไทยทำสวนและค้าขายพืชสวนเหล่านั้น เมื่อร่ำรวยขึ้นก็ซื้อที่มาเป็นเจ้าของเสียเอง อย่างที่ในย่านหนึ่งริมคลองเจ้าสัวยมก็ได้มีคนจีนมาทำสวนปลูกพลูสำหรับกินกับหมากอยู่เป็นอันมาก และก็คงจะเป็นพลูที่มีคุณภาพดี มีชื่อเสียง จนมีคนเรียกย่านตรงนั้นว่า “สวนพลู”

คนไทยเองแต่เดิมก็ยังชอบที่จะอยู่ริมแม่น้ำและลำคลองต่าง ๆ อันเป็นนิสัยที่ชอบ “ความสงบร่มเย็น” มาแต่โบราณกาล แต่พอเข้าสู่ยุค “ฝรั่งครองเมือง” ชุมชนริมแม่น้ำก็คงจะเริ่มแออัดยัดเยียดและหาที่อยู่ที่ร่มเย็นได้ยากขึ้น คนไทยเหล่านี้จึงอาจจะมองด้วยสายตาที่เชื่อในฝรั่งอีกด้วยว่า ถิ่นฐานที่ฝรั่งไปอยู่กันมาก ๆ นั้น น่าจะเป็นที่อยู่ที่อาศัยที่ดีกว่าสมัยก่อน ซึ่งสีลมและที่ที่ใกล้เคียงกัน คือย่านสาธรนี้ก็คงจะ “อยู่เย็นเป็นสุข” มาก ๆ เช่นเดียวกัน

นี่คือจุดกำเนิดของ “บ้านไทยซอยสวนพลู” ของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์” ที่จะได้กล่าวต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ

ดูดวงออนไลน์ กับ LINE ดูดวง

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

“เจิมศักดิ์” ชี้การเมืองไทยไร้วิสัยทัศน์ 10 ปี แนะเปิดเวทีประชาชนกำหนดอนาคตประเทศ

13 นาทีที่แล้ว

“ไผ่” มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้าได้ 70 ที่นั่ง ตอก “ไอติม” อยู่แต่ กทม. ไม่รู้ สส. บ้านนอกทำงานแบบไหน ชวนไปดูงานกำแพงเพชร

17 นาทีที่แล้ว

“ไผ่ ลิกค์” คาด วงกินข้าวพรรคร่วม 22 ก.ค. มีคุยโควต้า รองประธานสภา ย้ำ ไม่คิดต่อรอง ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ชี้ กธ. มีคนพร้อมเป็น

22 นาทีที่แล้ว

“ไผ่” ซัด รักชนก เป็นเหตุทำคนกำแพงเพชรร้องศูนย์ ชี้ เล่นการเมืองทำ ปชช.เดือดร้อน ยัน ไม่คิดเคลียร์ใจ ขอคุยกับคนที่รู้เรื่อง

34 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความดูดวงอื่น ๆ

หมอบอย เปิด 6 ราศี ดวงเปลี่ยนแล้ว ขึ้นแท่นเศรษฐี มีราชรถมาเกย

มุมข่าว

3 ราศี ความรักพุ่งแรง สละโสด เตรียมลั่นระฆังวิวาห์ BY Horoworld

Horoworld

ปีนักษัตรนี้มีเกณฑ์เสียเงินจากโรคภัย อย่าปล่อยปละละเลย BY Horoworld

Horoworld

หมอบอย จัดอันดับ 12 ราศี ครึ่งปีหลัง 2568 ดวงขาขึ้นสวนทางเศรษฐกิจ

News In Thailand

หมอดูดัง เคาะ 6 ราศี ดวงราชรถมาเกย ฟ้าเปิดทางรวย ขึ้นแท่นเศรษฐี

TNews

3 ราศีเตรียมพบรักจากแดนไกล BY Horoworld

Horoworld

ดวงพลิกเปลี่ยน “6 ราศี” หน้ามือเป็นหลังมือ ดวงเปลี่ยนแรง จากจนก็รวย จากซวยก็เริ่ด

ดวง D

‘หมอดูดัง’ เปิด 6 ราศีขึ้นแท่นเศรษฐี มีราชรถมาเกย โชคปัง ๆ ยกระดับเป็นนางพญา!

The Bangkok Insight

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...