ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 300 จุด S&P 500, NASDAQ สร้างสถิติใหม่
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า หุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี (3 ก.ค.)โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq Composite พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง หลังจากรายงานการจ้างงานดีเกินคาด ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังแข็งแกร่งต่อไป แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าและภูมิรัฐศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 344.11 จุด หรือ 0.77% ปิดที่ 44,828.53 จุด ดัชนี S&P 500
เพิ่มขึ้น 0.83% ปิดที่ 6,279.35 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 1.02% ปิดที่ 20,601.10 จุด ทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq Composite ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยกัน
- จ้างงานสหรัฐสูงเกินคาด
สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์สำรวจโดยบริษัทดาวโจนส์ คาดการณ์ไว้ที่ 110,000 ตำแหน่ง และสูงกว่าตัวเลขที่ปรับขึ้นใหม่ที่ 144,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม
ขณะที่อัตราการว่างงานยังลดลงเหลือ 4.1% เทียบบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3%
รายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งยังกระตุ้นให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งสูงขึ้น และลดความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
- คาดเฟดไม่ลดดอกเบี้ยเดือนนี้
ผู้ค้าสัญญาฟิวเจอร์ดอกเบี้ยเฟดกำลังประเมินโอกาสที่ธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมในช่วงปลายเดือนนี้อยู่ราวๆ 95% ตามเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME Group
“ผลที่ตามมาที่สำคัญที่สุดจากรายงานการจ้างงานดูเหมือนว่าจะเป็นว่าไม่มีทางที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม และยังเป็นเครื่องหมายคำถามว่าอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับลดในปีนี้หรือไม่” เจด เอลเลอร์บรูก ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Argent Capital Management กล่าวในการสัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี
รายงานของวันพฤหัสบดีออกมาหนึ่งวันหลังจาก ADP เปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานภาคเอกชนลดลง 33,000 ตำแหน่งในเดือนที่แล้ว ทำให้เกิดความกลัวว่าบางทีเศรษฐกิจอาจเริ่มสะดุดลงจากแรงกดดันของการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างรวดเร็วจากวอชิงตัน ข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเมื่อวันพฤหัสบดีได้หักล้างความคิดนั้นลง
ขณะเดียวกัน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามในวันพุธ นักลงทุนต่างรอคอยการประกาศข้อตกลงในอนาคตอย่างกระตือรือร้น เนื่องจากเส้นตายต้นเดือนกรกฎาคมของประธานาธิบดีในการหยุดการขึ้นภาษีเป็นเวลา 90 วันจะใกล้เข้ามาแล้วในสัปดาห์หน้า แม้ว่าตลาดจะซื้อขายในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ก็มีโอกาสที่จะลดลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทรัมป์เลือกที่จะ “แข็งกร้าวจริงๆ” ในการเจรจา เอลเลอร์บรูก เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว ตลาดมีมุมมองบวกมากขึ้น
“เราจะเห็นผลกระทบจากภาษีศุลกากรต่อธุรกิจจำนวนมาก แต่ตลาดจะยอมรับมันได้โดยไม่มีปัญหาอะไรมากนัก” เขากล่าว
นักลงทุนยังติดตามความคืบหน้าของร่างกฎหมายลดหย่อนภาษีมูลค่าเพิ่มของทรัมป์ ซึ่งในที่สุดก็ผ่านวุฒิสภาเมื่อวันอังคารและถูกส่งกลับไปที่สภาผู้แทนราษฎรแล้ว ร่างกฎหมายดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าไปสู่การลงคะแนนเสียงขั้นสุดท้าย หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรซึ่งควบคุมโดยพรรครีพับลิกันผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
วันพฤหัสบดีเป็นวันที่การซื้อขายที่สั้นลง โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กและแนสแด็กปิดทำการเวลา 13.00 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออก ตลาดสหรัฐปิดทำการในวันศุกร์เนื่องในวันชาติสหรัฐอเมริกา
ดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐปิดทำการในสัปดาห์นี้ในแดนบวก โดยดัชนี S&P 500 และแนสแด็กคอมโพสิตเพิ่มขึ้น 1.7% และ 1.6% ตามลำดับในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 2.3% ในช่วงเวลาดังกล่าว