SCB กำไรเกินคาด แจกปันผลแรง 8%
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น - SCB โชว์ฟอร์มแกร่ง! ไตรมาส 2/68 กำไรโต 28% แตะ 12,786 ลบ. สูงกว่าคาดจากกำไรเงินลงทุน–การตั้งสำรองลดลง พร้อมรุกตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา เสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ปีนี้คาดสินเชื่อโต 1-3% โบรกมองแม้คาดกำไรสุทธิปี 2568 ของ SCB จะอ่อนตัวลง 4% YoY แต่ประเมินว่า SCB น่าจะยังสามารถจ่ายปันผลในระดับสูงที่ราว 8% ได้ในปีนี้ จึงยังแนะนำ ถือ เพื่อรับปันผล
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2568 จำนวน 12,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น การตั้งสำรองที่ลดลง และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 25,288 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 2 ปี 2568 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 30,404 ล้านบาท ลดลง 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ และยอดสินเชื่อรวมที่ลดลง 1.8% ภายใต้การปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังรายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ อยู่ที่ 10,008 ล้านบาท ลดลง 3.1% จากปีก่อน
รายได้จากการลงทุนและการค้าอยู่ที่ 3,239 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากพอร์ตการลงทุนของธนาคารและบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 17,530 ล้านบาท ลดลง 5.6% จากปีก่อน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 40.2%
บริษัทฯ ตั้งสำรองลดลง 13.0% จากปีก่อน เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยเฉพาะการปรับตัวดีขึ้นของบริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด ทั้งนี้ ได้รวมสำรองพิเศษเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 159%
ท่ามกลางความผันผวนของสถานการณ์ภายนอก บริษัทฯ ยังสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อโดยรวมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 3.31% ลดลงจาก 3.34% ในปีก่อน ขณะที่เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทฯ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.8%
“ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนและปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยืดเยื้อ กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ ให้ความสำคัญกับการช่วยประคับประคองลูกหนี้ทุกกลุ่ม ผ่านมาตรการที่หลากหลายและต่อเนื่อง โดยในส่วนของมาตรการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ ระยะที่ 1 มีลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการแล้วเป็นยอดหนี้รวมกว่า 50,000 ล้านบาท และพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมในมาตรการระยะที่ 2 เพื่อให้ครอบคลุมมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางมีโอกาสฟื้นตัวได้
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากการบริหารจัดการให้เกิดแหล่งที่มาของรายได้ที่หลากหลาย การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบ ส่งผลให้การก่อตัวของสินเชื่อด้อยคุณภาพยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาอย่างเป็นทางการ และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการจัดตั้ง โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว” นายอาทิตย์ กล่าว
เป้าหมายปี 2568
ในครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทมียอดสินเชื่อลดลงร้อยละ 1.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงการพิจารณาให้สินเชื่ออย่างรอบคอบและมีวินัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อยาวนาน และการให้ความสำคัญกับคุณภาพสินทรัพย์เป็นหลัก บริษัทคาดว่า การเติบโตของสินเชื่อทั้งปีอาจต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 1–3 โดยคาดว่าพอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จะทรงตัว และสินเชื่อของธุรกิจ Gen 2 จะขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงการดำเนินนโยบายด้วยความระมัดระวัง ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์หลักที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืนมากกว่าการเติบโตของสินเชื่อในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ท้าทาย
สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ร้อยละ 3.62 ซึ่งยังอยู่ในกรอบเป้าหมายทั้งปีที่ร้อยละ 3.6–3.8 แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่คาดไว้ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอาจเพิ่มแรงกดดันต่อส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยอีก อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงบริหารโครงสร้างเงินทุนเชิงรุก โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพฐานเงินฝาก CASA ในกลุ่มลูกค้าบุคคล และการบริหารพอร์ตสินเชื่อ เพื่อช่วยลดแรงกดดันดังกล่าว ทั้งนี้ ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดความสามารถในการรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิให้อยู่ในกรอบเป้าหมายตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปี
รายได้ค่าธรรมเนียมในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ปรับลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตหลักมาจากธุรกิจการบริหารจัดการความมั่งคั่ง แม้จะเผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจมหภาคอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทสามารถรักษาระดับรายได้ค่าธรรมเนียมโดยรวมให้อยู่ในระดับทรงตัวได้ ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างและกระบวนการทำงานภายในแบบเชิงรุก ซึ่งช่วยลดผลกระทบเชิงลบจากกลุ่มธุรกิจอื่นที่อ่อนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากธุรกิจการขายประกันผ่านธนาคาร สำหรับปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะอยู่ในกรอบล่างของเป้าหมายการเติบโต อันเป็นผลมาจากรายได้จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งที่ยังแข็งแกร่ง และความพยายามอย่างต่อเนื่องในการยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ร้อยละ 40.0 ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายทั้งปีที่ร้อยละ 42–44 สะท้อนถึงแนวทางการบริหารต้นอย่างมีวินัยของกลุ่ม โดยได้ดำเนินมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในทุกหน่วยธุรกิจ และจะดำเนินการต่อเนื่องตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้ กลุ่มตั้งเป้าที่จะรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ให้อยู่ในระดับต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมาย แต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะขึ้นอยู่กับรายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อ สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ร้อยละ 1.64 สอดคล้องกับกรอบเป้าหมายทั้งปีที่ร้อยละ 1.50–1.70 แม้ว่ากลุ่มจะยังคงเสริมความแข็งแกร่งของสำรองเพิ่มเติม ผ่านการประมาณการโดยผู้บริหาร (Management Overlay) เพื่อรองรับความเสี่ยงของเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น โดยมีทั้งปัจจัยภายนอก เช่น มาตรการภาษีการค้าของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจปกติมีทิศทางทรงตัว แม้จะมีการตั้งสำรองเพิ่มเติม แต่คาดว่าอัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อจะยังคงอยู่ในกรอบที่ตั้งไว้ โดยมีแนวโน้มอยู่ในระดับกรอบบนของเป้าหมาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจมหภาคในช่วงครึ่งปีหลัง
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด ระบุ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCB) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 สูงกว่าที่คาดฝ่ายวิเคราะห์คาด 20% และตลาดคาด 17% จากกำไรจากเงินลงทุน SCB รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 เท่ากับ 1.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% YoY และ 2% QoQ จากรายได้ non-NII เพิ่มขึ้น ทั้งนี้รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยไตรมาส 2/2568 เท่ากับ 1.3 หมื่นล้านบาท (สูงกว่าคาด 20%) เพิ่มขึ้น 24%YoY และ 11%QoQ จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้นสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 ลดลง 2%YoY และ 1%QoQ, NIM อยู่ที่ 3.59% ลดลง 31bps YoY และ 9bps QoQ จาก loan yield อ่อนตัวลง
Credit cost ไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 1.68% ลดลง จาก 1.90% ในไตรมาส 2/2567 แต่เพิ่มขึ้นจาก 1.59% ในไตรมาส 1/2568 โดย SCB ได้ตั้งสำรองส่วนเกินไว้ 900 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เพื่อรองรับความเสี่ยงจากสงครามการค้า ขณะที่ NPLs/loans ratio ปรับลดลงจาก 3.45% ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 มาที่ 3.31% ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 สำหรับ loan-loss coverage ratio ก็ปรับลดลงจาก 150.3% ณ ไตรมาส 1/2568 มาที่149.9% ณสิ้น2Q25 โดยรวมแล้ว ประเมินว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ SCB ทรงตัว QoQ ในไตรมาสนี้
คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 จะอ่อนตัวลง YoY และ QoQ กดดันจากแนวโน้ม NIM อ่อนตัวลง และ credit cost ปรับเพิ่มขึ้น QoQ อย่างไรก็ดีแม้คาดกำไรสุทธิปี 2568 ของ SCB จะอ่อนตัวลง 4% YoY แต่ประเมินว่า SCB น่าจะยังสามารถจ่ายปันผลในระดับสูงที่ราว 8% ได้ในปีนี้ จึงยังแนะนำ ถือ เพื่อรับปันผล