“บอร์ด กสทช.”ตีตกเพิ่มเงื่อนไขหลังประมูลคลื่นมือถือ เสียงโหวต 3 ต่อ 4 ไม่ถึงครึ่ง
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. (บอร์ด กสทช.) มีวาระสำคัญในการพิจารณาข้อเสนอของอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ซึ่งเสนอให้ปรับปรุงเงื่อนไขแนบท้ายเพิ่มเติมในประกาศ กสทช. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 850 เมกะเฮิรตซ์ 1500 เมกะเฮิรตซ์
2100 เมกะเฮิรตซ์ และ 2300 เมกะเฮิรตซ์ หลังประมูลคลื่นความถี่เสร็จสิ้นไปเมื่อ 29 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา ผู้ชนะการประมูล คือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอดับเบิลยูเอ็น) ได้คลื่นย่าน 2100 เมกะเฮิรตซ์ มูลค่า 14,850 ล้านบาท และบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด คลื่นย่าน 2300 เมกะเฮิรตซ์ มูลค่า 21,770 ล้านบาท และคลื่น 1500 เมกะเฮิรตซ์ มูลค่า 4,653 ล้านบาททั้ งสองบริษัทได้ชำระค่าคลื่นความถี่งวดแรก 50% แล้วเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา และใบอนุญาตมีผล 4 ส.ค.
ทั้งนี้ ข้อเสนอการเพิ่มเงื่อนไขดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะจาก สภาองค์กรของผู้บริโภค ที่เคยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ กสทช. บรรจุบทลงโทษ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตไม่สามารถขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมประชากรในพื้นที่ต่างๆ ได้ตามที่ระบุไว้ในเวลา 5 ปี พร้อมเสนอให้ระบุอัตราค่าปรับรายวันอย่างชัดเจน
นายสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. กล่าวหลังการประชุมว่า ผลการลงมติในที่ประชุมบอร์ด กสทช. มีมติ 3 เสียง ลงคะแนนเห็นชอบให้เพิ่มเงื่อนไข ส่วนอีก 4 เสียง ของดออกเสียง ส่งผลให้เสียงโหวตเห็นชอบมีไม่ถึงครึ่งของกรรมการทั้งหมด จึงไม่สามารถผ่านมติให้เพิ่มเงื่อนไขแนบท้ายได้ โดยมีบอร์ด กสทช.บางส่วนเห็นว่า ดำเนินการทางปกครองหรือเพิ่มบทลงโทษได้อยู่แล้ว หากผู้ได้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ขณะที่กรรมการอีกบางรายขอส่งคำชี้แจงถึงเหตุผลเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรในภายหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการเพียง 3 ราย ที่ลงคะแนนเห็นชอบให้เพิ่มเงื่อนไข ได้แก่ น.ส.พิรงรอง รามสูต นายศุภัช ศุภชลาศัย และ พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ขณะที่กรรมการอีก 4 คน งดออกเสียง ประกอบด้วย นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร นายต่อพงศ์ เสลานนท์ และนายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์
สำหรับเงื่อนไขที่มีเนื้อหาว่า หากผู้ได้รับใบอนุญาตไม่สามารถดำเนินการให้บริการได้ครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรในแต่ละตำบลภายในระยะเวลา 5 ปี จะต้องชำระค่าปรับรายวัน ในอัตรา 0.05% ของราคาประมูลสูงสุด ตลอดช่วงเวลาที่ล่าช้า ซึ่งเป็นแนวทางที่เคยใช้มาแล้วในช่วงปี 55– 62 แต่ไม่ได้ระบุในประกาศล่าสุดปี 68 แม้ท้ายประกาศจะเปิดทางให้คณะกรรมการสามารถเพิ่มภายหลังได้ รวมถึงนโยบายควบคุมอัตราค่าบริการขั้นสูง และค่าบริการเสริม อย่างเข้มงวด