โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เตือนภัยคนรักไข่ นักโภชนาการชี้ 6 ประเภทไข่ "ห้ามกิน" เสี่ยงทำลายอวัยวะภายใน

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

อัพเดต 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เตือนภัยคนรัก “ไข่ 6 ประเภท ห้ามกิน” ไข่เป็นอาหารโปรดของใครหลายคน เพราะทั้งอร่อย มีประโยชน์ และทำอาหารได้หลากหลายเมนู แต่รู้หรือไม่ว่าไข่บางประเภท แม้จะดูน่ากินแค่ไหน ก็อาจแฝงโทษร้ายที่คุณคาดไม่ถึง นักโภชนาการได้ออกโรงเตือนให้หลีกเลี่ยงไข่ 6 ประเภทนี้โดยเด็ดขาด นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังอาจทำลายอวัยวะภายในของคุณได้อีกด้วย

เตือนภัยคนรักไข่ นักโภชนาการชี้ 6 ประเภทไข่

เตือนภัยคนรักไข่ นักโภชนาการชี้ 6 ประเภทไข่ "ห้ามกิน" เสี่ยงทำลายอวัยวะภายใน

1. ไข่ดิบ (Raw Egg)

แม้บางคนจะชอบกินไข่ดิบในเมนูอย่างซูชิ ดงบุริ หรือไข่ลวกที่กึ่งสุกกึ่งดิบ แต่การกินไข่ดิบมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะอาจมี เชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลา ปนเปื้อนอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ นอกจากนี้ โปรตีนในไข่ดิบยังย่อยและดูดซึมได้ยากกว่าไข่ที่ปรุงสุก

2. ไข่เยี่ยวม้าที่มีจุดดำ (Pidan with Black Spots)

ไข่เยี่ยวม้าที่ผ่านกระบวนการหมัก บางครั้งอาจมี จุดดำหรือจุดสีเทาเข้มกระจายอยู่ทั่วไข่ขาว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าไข่อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียหรือสารที่ไม่พึงประสงค์จากการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน การบริโภคไข่เยี่ยวม้าลักษณะนี้อาจนำไปสู่อาการปวดท้อง ท้องเสีย หรืออาการแพ้ได้

3. ไข่ที่มีเลือดปน (Blood Spot Egg)

บางครั้งเราอาจพบ จุดเลือดเล็ก ๆ หรือเส้นเลือดฝอยปนอยู่ในไข่ขาวหรือไข่แดง ซึ่งอาจเกิดจากการแตกของเส้นเลือดในรังไข่ไก่ขณะวางไข่ แม้ว่าโดยทั่วไปจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ไม่แนะนำให้รับประทาน เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนของแบคทีเรียได้ง่ายกว่าปกติ และบ่งบอกถึงคุณภาพที่ไม่สมบูรณ์ของไข่

เตือนภัยคนรักไข่ นักโภชนาการชี้ 6 ประเภทไข่

4. ไข่เน่าเสีย (Rotten Egg)

ไข่เน่าเสียสามารถสังเกตได้จาก กลิ่นเหม็นผิดปกติ สีที่เปลี่ยนไป (เช่น ไข่ขาวขุ่น เขียว หรือมีเมือก) และเนื้อสัมผัสที่เหลวผิดปกติ การกินไข่เน่าเสียเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเต็มไปด้วยแบคทีเรียและสารพิษที่เกิดจากการย่อยสลาย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษรุนแรง หรือปัญหาต่อระบบทางเดินอาหาร

5. ไข่ต้มค้างคืน (Overnight Boiled Egg)

ไข่ต้มที่เก็บไว้นานเกินไป โดยเฉพาะที่ไม่ได้เก็บในตู้เย็น หรือเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียได้ง่าย ยิ่งเก็บนาน แบคทีเรียยิ่งเพิ่มจำนวน การกินไข่ต้มค้างคืนที่เก็บไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษได้ ควรรับประทานไข่ต้มที่ปรุงสุกใหม่ หรือเก็บในตู้เย็นและรับประทานภายใน 1-2 วัน

6. ไข่ที่มีจุดดำหรือเชื้อราบนเปลือก (Moldy Egg Shell)

แม้เปลือกไข่จะดูแข็งแรง แต่หากพบ จุดดำ หรือคราบคล้ายเชื้อราบนเปลือกไข่ บ่งบอกว่าไข่ถูกเก็บในสภาพแวดล้อมที่ชื้นและไม่ถูกสุขลักษณะ เชื้อราและแบคทีเรียอาจซึมผ่านรูพรุนเล็กๆ บนเปลือกไข่เข้าไปภายในได้ ทำให้ไข่เน่าเสีย หรือปนเปื้อนเชื้อโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

รักไข่แค่ไหน ก็ต้องเลือกกินอย่างฉลาดนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองและคนที่คุณรัก ควรเลือกไข่ที่สดใหม่ ไม่มีตำหนิ และปรุงสุกอย่างถูกวิธีเสมอค่ะ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

“ทักษิณ” เปิดสัมพันธ์ “ฮุนเซน” ถึงจุดแตกหัก แฉปมคลิปเสียง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

พยากรณ์อากาศวันนี้ ไทยมีฝนตกหนักต่อเนื่อง เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
วิดีโอ

หมัดเด็ด! เปิดคำพูด "อธิบดีฯ" ดับร้อน "จอนนี่ มือปราบ" จนเครื่องเย็นลง กลางโหนกระแส!

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

พระผู้ใหญ่ 2 วัดดัง มีสัมพันธ์ สีกา ก. ตำรวจเจอคลิปลับมากกว่า 80,000 ไฟล์

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

ครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน

เดลินิวส์

Jurassic World: The Experience ไดโนเสาร์คืนชีพ! ยกจักรวาลจูราสสิกบุกกรุงเทพฯ

LSA Thailand

หมาเน่าลอยน้ำ เหม็นจนทนไม่ไหว! รัชกาลที่ 4 ถึงขั้นออกประกาศ “ห้ามทิ้งซากสัตว์ลงแม่น้ำ”

ศิลปวัฒนธรรม

“ไว้เล็บ” ธรรมเนียมนิยมแต่กรุงศรีฯ คือเครื่องยืนยันชาย,หญิง เจ้าของเล็บ คือคนไฮโซ มีตังค์ ไม่ต้องทำงานหนัก

ศิลปวัฒนธรรม

บริษัทสอาด บริษัทรับสูบส้วมเจ้าแรกของสยาม

ศิลปวัฒนธรรม

เชื่อหรือไม่ ครั้งหนึ่ง “ป่อเต็กตึ๊ง” เปิดให้บริการทำคลอดฝากครรภ์

ศิลปวัฒนธรรม

กระดูกวัวและกระดองเต่า ยืนยันการมีอยู่ของ “ราชวงศ์ชาง” ได้อย่างไร?

ศิลปวัฒนธรรม

ไทยยกเลิก “จิ้มก้อง” กับจีน สมัยไหน?

ศิลปวัฒนธรรม

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...