รัฐบาลลั่น! ขุดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทลายเครือข่าย "ก๊ก อาน"
รัฐบาลไทยประกาศเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติที่หลอกลวงประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
โดยล่าสุดได้มีการออกหมายจับ"ก๊ก อาน" เจ้าพ่อบ่อนปอยเปต สัญชาติกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังอาณาจักรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่
พร้อมทั้งยืนยันนโยบายการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต และน้ำมัน เพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานของแก๊งเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในวันนี้ว่า รัฐบาลรับทราบรายงานความคืบหน้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ที่ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและจับกุมกลุ่มคอลเซ็นเตอร์และผู้บงการมาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
บุกทลายเครือข่าย "ก๊ก อาน" เจ้าพ่อบ่อนปอยเปต
ปฏิบัติการล่าสุด ตำรวจได้บุกค้น 19 จุดใน 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และชลบุรี
โดยนำหมายค้นของศาลอาญาและอนุมัติหมายจับMR. Kok An หรือ "ก๊ก อาน" สัญชาติกัมพูชา เจ้าของเครือข่ายCrown Casino Resort ซึ่งประกอบด้วยอาคาร 25 ชั้น, 18 ชั้น และอาคาร Hiso
ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่เมืองปอยเปต ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยถูกตั้งข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและเป็นแหล่งฟอกเงิน
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า ทุกกองบัญชาการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้น้อมรับนโยบายตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ในการดำเนินการจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด
เดินหน้ากวาดล้างต่อเนื่อง ตั้งเป้าทลายแหล่งสำคัญภายในเดือนนี้
แม้จะมีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลยังได้รับรายงานว่ายังมีแก๊งมิจฉาชีพอีกหลายกลุ่มที่ยังคงหลอกลวงประชาชนในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการโทรศัพท์ การส่งจดหมาย หรือแม้กระทั่งการใช้ SMS
ซึ่งรัฐบาลได้ให้นโยบายในการปราบปรามอย่างเข้มข้นต่อไป และคาดว่าจะสามารถทลายแหล่งตัวการสำคัญเพิ่มเติมได้ภายในเดือนนี้ นอกเหนือจากกลุ่มของ "ก๊ก อาน"
ตัดน้ำ-ไฟ-เน็ต-น้ำมัน นโยบายเด็ดขาดตัดวงจร
"ส่วนนโยบายการตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า และระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ต รัฐบาลยังคงไว้ทั้งทางฝั่งตะวันตกและตะวันออก เพื่อตัดวงจรของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ต่อไป"
นายจิรายุกล่าวเน้นย้ำถึงมาตรการเด็ดขาดในการทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของแก๊งเหล่านี้
ประสานงานนานาชาติ จัดการวงการต้มตุ๋นระดับโลก
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญกับการประสานงานข้อมูลกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น องค์การสหประชาชาติ (UNOCS) และองค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ซึ่งได้ระบุว่าประเทศกัมพูชาเป็นแหล่งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ระดับโลก
"รัฐบาลไทยจะดำเนินการประสานงานกับทุกประเทศเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป" นายจิรายุกล่าวทิ้งท้าย