กต. จ่อส่งหนังสือ ICRC ท้วงกัมพูชา ละเมิดกม.ระหว่างประเทศ ไม่ปิดช่องฟ้อง ICC ฐานอาชญากรรมสงคราม
กต. จ่อส่งหนังสือ ICRC ท้วงกัมพูชา ละเมิดกม.ระหว่างประเทศ ไม่ปิดช่องฟ้องศาลอาญาโลก
เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 26 กรกฎาคม ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเรื่องสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยเมื่อหลังจากได้แถลงแล้วนั้น นายมาริษ ได้ตอบคำถามของสื่อมวลชนในประเด็นต่างๆ
ผู้สื่อข่าว ถามว่าประเด็นที่ว่ามีการละเมิดมนุษยชน โดยเฉพาะเด็กและสตรี ทางกระทรวงการต่างประเทศจะมีการยื่นเรื่องการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาหรือไม่ นายมาริษกล่าวว่า ตามที่กล่าวว่าจะให้ทางอธิบดีทำหนังสือประท้วงและประณามอย่างรุนแรง ในส่วนขององค์กรต่างๆ ของยูเอ็นและในบริบทของยูเอ็น อนุสัญญาต่างๆ ให้กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย รวมถึงกรมองค์การระหว่างประเทศพิจารณาร่วมกันอยู่ว่าเราจะไปในลักษณะไหนขณะนี้พูดได้คร่าวๆ ในเรื่องของคณะกรรมกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) ในเรื่องสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และเรื่องนี้ยังมีกรอบอื่นๆ อีกเยอะ ให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกรมองค์องค์การระหว่างประเทศพิจารณาอยู่
ต่อคำถามว่าในการโจมตีของกัมพูชา ส่วนใหญ่พุ่ง มุ่งเป้ามาที่พลเรือน หากเกิดขึ้นอีก ไทยจะสามารถนำกัมพูชาขึ้นศาลอาญาโลก (ไอซีซี) โทษฐานเป็นอาชญากรรมสงครามได้หรือไม่ นายมาริษกล่าวว่า เรื่องนี้มีรายละเอียเยอะ ผมได้สั่งการให้โดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาและกฎหมายพิจารณาเรื่องนี้ก่อนเป็นลำดับแรก เพราะการที่เราจะไปถึงจุดนั้น มันมีรายละเอียดและการเตรียมการอีกเยอะ แน่นอนว่าในทุกช่องทางที่เราสามารถไปได้ เราได้พูดคุยกันอยู่ตลอดเวลาในกระทรวงการต่างประเทศว่าการกระทำอันรุกรานของกัมพูชามีเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่มีแค่ใช้เป้าหมายพลเรือน ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นี่ชัดเจนในส่วนของไอซีซีมันมีกรอบ มีขั้นตอนและรายละเอียดอีกเยอะ ซึ่งกำลังพิจารณากันอยู่ ส่วนเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดเราได้ยื่นเรื่องไปที่คณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา รัฐภาคี ตรงนี้มันมีหลักฐานชัดเจน มันมีระดับของการกระทำอันรุกรานขนาดไหน (act of aggression) ที่จะอยู่ในสถานะที่เราจะฟ้องอะไรได้ ซึ่งเราไม่อยากดำเนินการไปโดยที่ไม่สามารถทำได้มันก็จะเสียหายต่อภาพลักษณ์ของเรา
เมื่อถามว่าตอนไปนิวยอร์ก มีประเทศที่ 3 หรือประเทศอื่น ที่เสนอช่วยเหลือหารือหรือเจรจา นายมาริษกล่าวว่า เท่าที่ตนอยู่ที่นั่นไม่ได้มีใครพูดเรื่องนี้ และอย่างที่ผมพูดไปและกระทรวงต่างประเทศยืนยันมาตลอดว่าขณะนี้เราต้องการใช้การเจรจา 2 ฝ่ายบนหลักการสันติวิธีและจริงใจ ในส่วนของประเทศที่ 3 ไม่ได้มีใครมาพูดเรื่องนี้
จากนั้นนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงย้ำจุดยืนของกระทรวงการต่างประเทศต่อการโจมตีเป้าหมายพลเรือนว่า เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.20 น. กองกำลังกัมพูชาได้เปิดฉากยิงใส่ฐานทัพไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บทันที 2 นาย จากนั้นไม่นานทหารกัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมายในดินแดนไทย ใน 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีษะเกศ และอุบลราชธานี เมื่อเวลา 11.45 น.ของวันเดียวกัน โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดสุรินทร์ ถูกโจมตีด้วยการยิงปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่รุนแรง ไม่เลือกเป้าหมายและละเมิดกฎหมายต่อพลเรือนไทย ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์อย่างน่าเศร้าใจ ซึ่งรวมถึงสตรีและเด็ก สถานที่ของพลเรือน รวมถึงโรงพยาบาลและโรงเรียนได้รับความเสียหายอย่างมากเช่นกัน
ทั้งนี้ ณ เวลา 14.00 น.ของวันที่ 25 กรกฎาคม การโจมตีดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือน 13 ราย และบาดเจ็บ 46 ราย ยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีบุคคลพลเรือน สถานที่ของพลเรือนและสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะอย่างไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานพยาบาล ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาค.ศ.1949 อย่างชัดเจนและอย่างร้ายแรง รวมถึงข้อ 19 ของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 ว่าด้วยการคุ้มครองหน่วยแพทย์และสถานพยาบาล และข้อ 18 ของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 ว่าด้วยการคุ้มครองโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือน ประเทศไทยขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำอันไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ซึ่งขัดต่อพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน รัฐบาลไทยจะมีหนังสือถึงประธานคณะกรรมกาชาดระหว่างประเทศ(ไอซีอาร์ซี)เพื่อแสดงการประณามอย่างรุนแรงต่อการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงเหล่านี้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรต่อไป
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กต. จ่อส่งหนังสือ ICRC ท้วงกัมพูชา ละเมิดกม.ระหว่างประเทศ ไม่ปิดช่องฟ้อง ICC ฐานอาชญากรรมสงคราม
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th