จีนจ่อลดกำลังผลิต ‘ทองแดง’ ครั้งใหญ่ รับมือการผลิตล้นตลาด-ขาดแคลนแร่
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “จีน” ซึ่งเป็นผู้ผลิตโลหะบริสุทธิ์รายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่การลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหา กำลังการผลิตล้นตลาด และ การขาดแคลนวัตถุดิบสำคัญ โดยเฉพาะทองแดง
ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Shanghai Metals Market (SMM) ว่า การผลิตโลหะในเดือนนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.168 ล้านตัน ลดลง 0.5% จากจุดสูงสุดในเดือนก.ค. และมีแนวโน้มจะลดลงต่อเนื่องในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นผลมาจากการรณรงค์ระดับประเทศเพื่อจัดการกับภาวะกำลังการผลิตที่เกินความจำเป็นในทุกภาคอุตสาหกรรม
ผลผลิตพุ่งนิวไฮ แต่เริ่มเผชิญข้อจำกัด
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การผลิตของจีนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากการขยายกำลังการผลิตอย่างมหาศาล แม้จะต้องเผชิญกับตลาดวัตถุดิบที่ตึงตัวและความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงก็ตาม แต่ความยืดหยุ่นในการผลิตนี้อาจใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว
รัฐบาลจีนกำลังเร่งแก้ไขปัญหาการแข่งขันที่รุนแรง และ การผลิตที่มากเกินไป ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะ เงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ การที่ผู้ผลิตต่างชาติบางรายก็ได้เริ่มลดกำลังการผลิตไปแล้ว หากผู้ผลิตจีนมีการเคลื่อนไหวที่คล้ายคลึงกันอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดโลก เนื่องจากจีนมีสัดส่วนการผลิตโลหะบริสุทธิ์มากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนมีกำหนดจะเปิดเผยตัวเลขผลผลิตอย่างเป็นทางการประจำเดือนก.ค.ในวันที่ 18 ส.ค.นี้
วัตถุดิบผลิต ‘ทองแดง’ ขาดแคลนหนัก บีบโรงถลุงลดกำลังการผลิต
แม้ว่าทางการจีนเคยกำหนด เพดานกำลังการผลิตโรงหลอมอะลูมิเนียม เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน และควบคุมปริมาณการผลิตเหล็กตั้งแต่ปี 2563 แต่อุตสาหกรรมทองแดงกลับเผชิญข้อจำกัดน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม การถลุงทองแดงกำลังเผชิญความท้าทายจากการขาดแคลนทั้งแร่ที่ขุดได้และเศษทองแดง ซึ่งเป็นวัตถุดิบทดแทนที่สำคัญ
SMM รายงานว่า ปริมาณสำรองแร่ทองแดงเข้มข้นลดลงสู่ระดับต่ำสุดในปีนี้ โดยเหลือเพียง 560,000 ตัน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้บีบให้โรงถลุงทองแดงต้องลดกำลังการผลิตลงไปแล้ว และคาดการณ์ว่าการผลิตจะลดลงอีกในเดือนก.ย. เนื่องจากมีโรงถลุงทองแดงขนาดใหญ่ 5 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 900,000 ตัน กำลังอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง ยิ่งตอกย้ำถึงปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทองแดงทั่วโลกในอนาคตอันใกล้นี้
อ้างอิง Bloomberg