“มาริษ” ฉะ! "กัมพูชา" น่าเกลียดมากปูดเฟคนิวส์สังหารผู้นำ - กางอนุสัญญาเจนีวายันไทยยังคุมเชลยศึกได้ จี้กัมพูชามาเก็บศพทหาร - เตรียมถกทูตไทยทั่วโลก 7 ส.ค.นี้ ระดมแผนโต้เฟคนิวส์รับมือเกมจิตวิทยา
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากเมื่อวาน (4 ส.ค.) มีการรสรุปข้อเท็จจริงให้กับทูต 75 ประเทศ และมีองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ อีกว่า ได้รับการตอบรับที่ดี ทำให้ประเทศต่าง ๆ เข้าใจไทยมากยิ่งขึ้น พร้อมย้ำว่า ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาไม่ใช่เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ และเรียกร้องให้กัมพูชาใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกันมาโดยตลอดทั้ง JBC RBC และ GBC ซึ่งไทยและกัมพูชา เป็นประเทศอาเซียนด้วยกัน ต้องแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีและสุจริตใจ
ส่วนกระแสสงครามข่าวสารบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชานั้น นายมาริษ ขอให้ประชาชนบริโภคข่าวสารอย่างมีสติและใช้วิจารณญาณในการพิจารณา เพราะข่าวสารค่อนข้างบิดเบือน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล และสำนักงานประเทศไทย ได้ใช้กลไกที่มี แสดงความชัดเจนบนเวทีพหุภาคีต่าง ๆ ซึ่งทูตไทยทุกแห่งได้ดำเนินมาตรการที่สอดรับกัน และทำงานกันอย่างเป็นทีม โดยในวันที่ 7 สิงหาคมนี่ ตนได้นัดการประชุมออนไลน์กับสถานทูตทุกแห่ง เพื่อมอบหมายแนวทางดำเนินการ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นไปที่สงครามจิตวิทยา และสงครามข่าวสาร เพราะที่ผ่านมามีการใช้สงครามข่าวสารที่บิดเบือนอยู่ตลอดเวลา จึงจะชี้แจงตอบโต้ในทุกภาคส่วนทุกระดับ และทุกด้าน เพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา พร้อมได้ขอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียแล้วว่า ให้ช่วยเตือนกัมพูชาให้ยุติการใช้เฟคนิวส์
สำหรับข่าวปลอมที่ฝ่ายกัมพูชาปล่อยออกมาเมื่อเช้านี้เกี่ยวกับการลอบสังหารผู้นำกัมพูชานั้น นายมาริษเห็นว่าเป็นการกระทำที่น่าเกลียดมาก ซึ่งอธิบดีกรมสารนิเทศที่ได้ตอบโต้ประท้วงไปแล้วในทันที ไทยไม่ทำสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติ
ส่วนการลงพื้นที่พาผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศเยี่ยมเชลยศึกนั้น นายมาริษ ย้ำว่า รัฐบาลได้ใช้มาตรการเชิงรุกมาโดยตลอด ตั้งแต่วันแรกที่มีการกล่าวหาจากฝ่ายกัมพูชา ก็ได้ให้คณะทูตถาวรที่เจนีวาติดต่อชี้แจง “กาชาดระหว่างประเทศ” ให้เข้ามาติดตาม เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไทยเปิดกว้าง และเคารพต่ออนุสัญญาเจนีวา ดูแลเชลยศึกอย่างดี เป็นไปตามหลักกฏหมายระหว่างระหว่างประเทศ ที่ตราบใดที่ยังไม่มีความมั่นใจว่าเหตุการณ์จะสงบ ก็ยังมีสิทธิควบคุมตัว นอกจากนั้น ไทยยังเรียกร้องกัมพูชา มาเก็บร่างทหารที่เสียชีวิตจากการสู้รบตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการให้เกียรติและเคารพในทหารด้วย โดยไทย จะทำหน้าที่สื่อสาร เพื่อให้กัมพูชาเร่งดำเนินการในส่วนนี้
ส่วนแผนการฟ้องอาญา-แพ่งผู้นำกัมพูชานั้น นายมาริษ ย้ำว่า เป็นไปตามที่ คณะรัฐมนตรี มีข้อสั่งการโดยจะมีคณะทำงานร่วมกัน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน
นายมาริษ ยังกล่าวถึงการประชุม GBC วันที่ 2 ที่มาเลเซียว่า เป้าหมายที่ไทยต้องการเห็นคือ การหยุดยิงถาวร มีกลไกในการตรวจสอบ ตามที่ได้มีการหารือกันไว้ในระดับแม่ทัพ และตนเชื่อมั่นว่า กลไกของ GBC มีความสำคัญที่สุด และอยากเห็นการทำงานเจรจาภายใต้กรอบทวิภาคี ดำเนินการไปให้ได้มากที่สุดตกลงกันให้ได้ และพูดคุยในเรื่องอื่นต่อไป เพราะฉะนั้นประเด็นสำคัญที่สุด คือการพูดคุยกันในกรอบของ GBC
นายมาริษ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (5 ส.ค.) ได้ให้การต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของนิวซีแลนด์ ได้มีการพูดคุยความร่วมมือ ระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน เพราะนิวซีแลนด์ ก็มีประเด็นเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันถูกเก็บอยู่ 15% และไทยกำลังทำงานร่วมกับมิตรประเทศทั้งหลายที่จะหาทางลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ เพื่อรองรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยเชื่อว่า ความร่วมมือในลักษณะนี้จะทำให้ไทย และนิวซีแลนด์ร่วมมือกันอย่างลึกซึ้ง เพื่อผลประโยชน์ของสองประเทศ