เปิดโครงสร้าง “ธนาคารกลางสหรัฐ” กับความท้าทายภายใต้ทรัมป์ วาระ 2
ธนาคารกลางสหรัฐ ถูกออกแบบให้ทำงานอย่างอิสระจากการเมือง แต่ภายใต้การกลับมาทรัมป์ วาระ 2 บทบาทของเฟดต้องเผชิญแรงกดดันและการแทรกแซงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วันที่ 26 สิงหาคม 2568 ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve System) หรือเฟด ถือเป็นหัวใจของระบบเศรษฐกิจโลก เพราะสหรัฐคือประเทศมหาอำนาจด้านการเงิน ค่าเงินดอลลาร์ถูกใช้เป็นสกุลหลักในการค้าระหว่างประเทศและการสำรองเงินตราของหลายชาติ การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย นโยบายการเงิน หรือการเข้าซื้อ–ขายพันธบัตรของเฟด ล้วนส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก
ธนาคารกลางสหรัฐ ก่อตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติธนาคารกลาง ปี ค.ศ.1913 ให้ เป็นอิสระจากการเมือง เพื่อจัดตั้งระบบการเงินที่สามารถตอบสนองต่อภาวะตึงเครียดในระบบธนาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบธนาคารกลางประกอบด้วย โดยคณะกรรมการบริหารซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางที่ตั้งอยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. และธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา 12 แห่งทั่วประเทศ
ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- คณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
- ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา 12 แห่ง ดำเนินการทั่วประเทศ
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งทำหน้าที่ในคณะกรรมการตลาดเปิดของรัฐบาลกลางและช่วยกำหนดนโยบายการเงินที่สำคัญของสหรัฐ
หากเจาะลึกในแต่ละส่วนนั้น
1. คณะกรรมการผู้ว่าการ (Board of Governors)
ถือเป็นเป็นองค์กรกำกับดูแลระบบธนาคารกลาง โดยคณะกรรมการ ประกอบด้วยสมาชิก 7 คน หรือ "ผู้ว่าการ" ที่ดำรงตำแหน่งสลับกัน 14 ปี ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยประธานาธิบดีสหรัฐ และได้รับการยืนยันให้ดำรงตำแหน่งโดยวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา
โดยในบอร์ดนี้จะมีประธานเฟด (Chair) และรองประธาน (Vice Chair) ซึ่งมีบทบาทสูงสุดในการกำหนดทิศทางนโยบาย ซึ่งอาจได้รับการแต่งตั้งเป็นวาระเพิ่มเติมอีกหนึ่งวาระ หรือหลายวาระ เป็นเวลา 4 ปี โดยคณะกรรมการจะกำกับดูแลการดำเนินงานของระบบธนาคารกลางสหรัฐ เพื่อส่งเสริมเป้าหมายและปฏิบัติตามความรับผิดชอบที่มอบให้ธนาคารกลางสหรัฐ ตามพระราชบัญญัติธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงกำกับดูแลการดำเนินงานของธนาคารกลาง 12 แห่ง
2. ธนาคารกลางสหรัฐระดับภูมิภาค (12 Federal Reserve Banks)
ธนาคารกลางแต่ละแห่งดำเนินงานภายในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์หรือเขตการปกครองเฉพาะของตนเองในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะได้รับการกำกับดูแลโดยคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve Board) แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ดำเนินงานอย่างเป็นอิสระในหลายด้าน เช่น
- การกำกับดูแลและตรวจสอบธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ
- บังคับใช้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของรัฐบาลกลางและกฎหมายการให้สินเชื่อที่เป็นธรรมพร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น
- การให้กู้ยืมแก่สถาบันการเงินเพื่อสร้างสภาพคล่องในระบบการเงิน
นอกจากนี้ยังมีหน้าที่อื่นๆ ได้แก่ การส่งเสริมความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบการชำระเงิน การจัดจำหน่ายสกุลเงินและเหรียญให้กับธนาคาร การดำเนินการระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และการเคลียร์เช็ค และทำหน้าที่เป็นธนาคารของรัฐบาลโดยให้บริการ เช่น การดูแลรักษาบัญชีธุรกรรมของกระทรวงการคลัง และการออกและไถ่ถอนหลักทรัพย์ของรัฐบาลสหรัฐ
3. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC)
คณะกรรมการนโยบายการเงิน ประกอบด้วยสมาชิก 12 คน ซึ่ง 7 คนมาจากคณะกรรมการผู้ว่าการ และ 1 คน เป็นตัวแทนถาวรจากเฟดนิวยอร์ก และอีก 4 คนมาจากธนาคารเฟดภูมิภาคแบบหมุนเวียน ซึ่งดำรงตำแหน่งวาระละ 1 ปีแบบหมุนเวียนกัน โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินทำหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินที่สำคัญของสหรัฐในการประชุมที่จัดขึ้นอย่างน้อย 8 ครั้งต่อปี
ทั้งนี้การดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC มีอิทธิพลต่ออัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขสินเชื่อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสภาวะทางการเงิน รวมถึงผลผลิตทางเศรษฐกิจ และแม้แต่การตัดสินใจใช้จ่ายและลงทุนของครัวเรือน ชุมชน และธุรกิจ
นอกจากนี้ยังมีทีมนักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ ผู้ตรวจสอบ และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ จากทั่วระบบธนาคารกลางสหรัฐ จะทำหน้าที่รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลและสารสนเทศจากทั่วสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง ในการกำหนดนโยบายการเงินที่มีประสิทธิผล การประเมินสุขภาพของเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งเสริมเสถียรภาพของระบบการเงิน
อย่างไรก็ตามเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ วาระที่ 2 ความกดดันต่อความเป็นอิสระของเฟดเริ่มได้รับความท้าทายมากยิ่งขึ้น โดยเขาขู่ปลดเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าทรัมป์จะเป็นคนแต่งตั้งพาวเวลขึ้นเป็นประธานเฟดในปี 2561 ด้วยตนเองในช่วงวาระที่ 1 ในระหว่างช่วงปี 2561-2562 ทรัมป์โพสต์โจมตีเฟดหลายครั้งจากการที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ในปี 2568 ทรัมป์กลับมากดดันเฟดอีกครั้ง และขู่ปลดพาวเวล นำไปสู่ความกังวลว่าทรัมป์จะพยายามสั่นคลอนความเป็นอิสระของเฟด หลังจากนั้นไม่นาน ในเดือนสิงหาคม 2568 ทรัมป์ประกาศบน Truth Social ว่าปลดผู้ว่าการเฟด ลิซา คุก โดยอ้างเรื่องการกู้จำนองผิดพลาด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะผู้ว่าการเฟดมีวาระ 14 ปี และควรได้รับความคุ้มครองจากการเมือง
ทั้งนี้การแทรกแซงเฟดโดยฝ่ายการเมืองไม่เพียงกระทบต่อทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐ แต่ยังสั่นสะเทือนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก เพราะเฟดถือเป็นสถาบันที่ต้องทำงานอย่างอิสระเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ หากความเป็นอิสระนี้ถูกสั่นคลอน ความน่าเชื่อถือของดอลลาร์ในฐานะ “เงินสกุลหลักของโลก” อาจถูกตั้งคำถามมากขึ้น
อ้างอิง : federalreserve.gov