ตำรวจกองปราบจับหลวงพ่ออลงกต คดีทุจริตเงินวัดพระบาทน้ำพุ
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม นำโดย พ.ต.ต.เอกรัฐ จันทร์มณี สว.กก.1 บก.ป. พร้อมกำลัง เข้าจับกุม พระราชวิสุทธิประชานาถ อลงกต พูลมุข หรือที่รู้จักกันในนาม “หลวงพ่ออลงกต” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี ตามหมายจับของศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ จ.81/2568 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2568
การจับกุมกลางดึก
การจับกุมเกิดขึ้นที่บ้านพักเลขที่ 37 ถนนพระบาทน้ำพุ-น้ำจั้น ตำบลเขาสามยอด อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 26 สิงหาคม 2568 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า การปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลมีหมายจับในข้อหาทุจริตยักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ และข้อหาฟอกเงิน ซึ่งสืบเนื่องจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินกองทุนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัด
ข้อกล่าวหาหนัก
ในหมายจับและคำสั่งของศาล มีการระบุข้อกล่าวหาอย่างชัดเจนว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ อลงกต ถูกกล่าวหาว่า ยักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เบียดบังทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ส่วนตน และเข้าข่ายความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมถึงมีพฤติการณ์ฟอกเงิน และสมคบกับบุคคลอื่นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
ข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งมีโทษสูงสุดทั้งจำคุกและปรับ
การแจ้งสิทธิผู้ต้องหา
- เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า หลังการจับกุม ได้แจ้งสิทธิของผู้ต้องหาตามกฎหมายครบถ้วน ได้แก่
- สิทธิในการพบและปรึกษาทนายความ
- สิทธิในการให้ทนายเข้าฟังการสอบปากคำ
- สิทธิในการเยี่ยมญาติและติดต่อญาติได้
- สิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลหากเจ็บป่วย
- เบื้องต้นจากการตรวจร่างกาย ไม่พบอาการบาดเจ็บหรือผิดปกติแต่อย่างใด
นำตัวสอบสวนกองปราบฯ
หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวพระราชวิสุทธิประชานาถเดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม กรุงเทพฯ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย โดยมีรายงานว่า ทีมทนายความและญาติใกล้ชิดได้รับแจ้งและเตรียมเข้าพบในช่วงเช้า
วัดพระบาทน้ำพุ กับบทบาทหลวงพ่ออลงกต
วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะสถานที่ดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ตลอดเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา “หลวงพ่ออลงกต” ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักพัฒนา ใช้ชีวิตทุ่มเทช่วยเหลือผู้ป่วยนับพันราย ทำให้วัดกลายเป็นศูนย์กลางการดูแลผู้ติดเชื้อที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา มีข้อครหามากขึ้นเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินบริจาค ซึ่งมีจำนวนมหาศาลปีละหลายร้อยล้านบาท จากทั้งประชาชนในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการโอนเงินเข้าบัญชีที่มีความเชื่อมโยงกับชื่อ “อลงกต พลมุข” อันไปตรงกับบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว นำไปสู่ข้อสงสัยว่ามีการนำข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้แอบอ้าง
จุดเริ่มต้นของคดี
คดีนี้เริ่มต้นจากการตรวจสอบของกรมการปกครองและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หลังจากเกิดข้อพิรุธเกี่ยวกับการใช้เลขบัตรประชาชนที่ซ้ำกับบุคคลผู้เสียชีวิต ทำให้กระแสสังคมเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเข้ามาตรวจสอบความโปร่งใสของการจัดการเงินบริจาค
ในเวลาต่อมา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกองปราบปราม ได้ขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงิน และพบมูลเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการโยกย้ายเงินจำนวนมากระหว่างบัญชีที่เกี่ยวข้องกับวัดและบุคคลใกล้ชิด นำไปสู่การขอออกหมายจับ