"ปชน." มองเป็นความสำเร็จ หลังสภาฯ ผ่านฉลุย กม.ราง 3 ฉบับ จี้รัฐบาลเลิกเลื่อนนโยบายเรือธง ตั๋วใบเดียว–ค่าโดยสารร่วม
"ปชน." มองเป็นความสำเร็จ หลังสภาฯ ผ่านฉลุย กม.ราง 3 ฉบับ จี้รัฐบาลเลิกเลื่อนนโยบายเรือธง ตั๋วใบเดียว–ค่าโดยสารร่วม ยัน ไม่ค้านหลักการ แต่ห่วงวิธีใช้เงิน รฟม. เสี่ยงผิดวินัยการคลัง "ศุภณัฐ" โยน รัฐบาลทำงานล่าช้า เหมือนสะดุดขาตัวเอง
วันที่ 27 ส.ค. 68 ที่รัฐสภา สส.กทม.และปริมณฑลพรรคประชาชน นำโดยนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงข่าวหลังการลงมติร่าง เห็นชอบ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ว่า สภาเพิ่งผ่าน พ.ร.บ. สำคัญ 3 ฉบับ เกี่ยวกับพ.ร.บ.ขนส่งทางราง และนโยบายเรือธงของรัฐบาล แม้พ.ร.บจะผ่านแล้วแต่รัฐบาลก็ยังเลื่อนไปเรื่อย ๆ ตอนมาเป็นรัฐบาลประกาศไว้ว่า 3 เดือนและเลื่อนมาเป็น 2 ปีคือ 1 ตุลาคมแต่ล่าสุดจะเลื่อนอีก กระบวนการการพิจารณาในฝั่งสภาผู้แทนราษฎรถือว่าเป็นไปอย่างรวดเร็วไม่ได้ช้า หากเปรียบเทียบกับพ.ร.บ.อื่น ส่วนองค์ประชุมซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล วันนี้รัฐบาลก็รักษาองค์ประชุมทำให้ผ่านไปได้เรียบร้อย 3 ฉบับ
ในฉบับแรกคือพ.ร.บ.ขนส่งทางราง ซึ่งมีอยู่หลายมาตรา และมีทั้งหมด 3 ร่าง คือจากคณะรัฐมนตรี ร่างของพรรคเพื่อไทย และร่างของพรรคประชาชน ซึ่งได้พิจารณาในชั้นกรรมาธิการได้ข้อสรุปตรงกันเรียกว่าผ่านฉลุยเห็นชอบตรงกันในทุกมาตรา ถือเป็นความสำเร็จร่วมกันของสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านพรบ. รางที่เห็นตรงกันและผ่านแบบเอกฉันท์ ฉบับที่สองคือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ทั้งหมด 55 มาตรา มีมาตราที่เห็นต่างกันคือ 35 และ 37 แต่ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่
" โดยภาพรวมพรรคประชาชนสนับสนุนพ.ร.บ.ตั๋วร่วมย้ำว่าเป็นสิ่งที่ดีและเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล และพ.ร.บ.ตั๋วร่วมจะทำให้ทุกคนสะดวกสบายกับการเดินทาง โดยหลักการสำคัญคือสามารถใช้บัตรใบเดียวแตะเข้าออกได้ ย้ำว่าตามพ.ร.บ.ต้องเป็นบัตรใบเดียว ไม่ใช่ถือหลายใบและไปลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ " นายสุรเชษฐ์กล่าว
นายสุรเชษฐ์ ยังกล่าวว่า อีกคำที่แตกต่างและมีนัยยะสำคัญคือคำว่าค่าโดยสารร่วม ทางรัฐบาลเสนอนโยบาย 20 บาทตลอดสาย แต่ความจริงที่จะทำคือ ค่าโดยสารร่วม 20 บาทตลอดทางเฉพาะรถไฟฟ้า ส่วนพรรคประชาชนจะทำค่าโดยสารร่วม 8-45 บาท ตลอดทางรถไฟฟ้าร่วมกับรถเมล์ เมื่อเทียบกันระหว่างร่างของพรรคประชาชนและร่างครม. จะเห็นว่าเนื้อหาสาระสำคัญส่วนใหญ่ ทั้งเรื่องของตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วมก็ตรงกับร่างที่พรรคประชาชนเสนอเป็นหลัก
ส่วนพ.ร.บ.รฟม. มีความคิดเห็นแตกต่างกัน มีการโหวตสู้กันใน 2 มาตราคือมาตราที่ 4 ซึ่งเกี่ยวกับการกู้มาแจก และมาตรา 8 ซึ่งเป็นเรื่องแก่นสารหลักที่จะไปล้วงกระเป๋ารฟม.มา ทำให้เราลงมติไม่เห็นชอบ แต่อย่างไรรัฐบาลก็ครองเสียงข้างมากทำให้ผ่านไปทั้ง 3 ฉบับ
" เพราะฉะนั้นตอนนี้ถือว่ารัฐบาลมีเครื่องมือครบ จริง ๆ ต้องการแค่ 2 แต่ 3 เหมือนเป็นแค่ออฟชั่นว่าจะเอาเงินมาจากไหน เราแค่ไม่เห็นด้วยในวิธีการที่จะใช้วิธีล้วงกระเป๋า เสี่ยงผิดวินัยการเงินการคลัง " นายสุรเชษฐ์กล่าว
นายสุรเชษฐ์ ระบุว่า สิ่งที่ต้องรอดูกันคือนโยบายเรือธงของรัฐบาลที่จะเลื่อนไปถึงเมื่อไหร่ ที่จะดำเนินการตามที่หาเสียงไว้ แล้วรัฐบาลจะดำเนินการตามพ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับหรือไม่ เพราะถ้าหากดำเนินการตามถือเป็นสิ่งที่ดี
ขณะที่นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม.พรรคประชาชน ยืนยันว่าพรรคประชาชนทั้ง สส.กทม. สส.ปริมณฑล เราเห็นด้วยกับการอุดหนุนค่าโดยสาร ให้กับพี่น้องประชาชนและเห็นด้วยกับการทำตั๋วร่วม หากสังเกต พ.ร.บ. ตั๋วร่วมพรรคประชาชนได้มีการเสนอเหมือนกันและในหลายๆประเด็นที่ พ.ร.บ. ของคณะรัฐมนตรีที่เสนอมาและไม่ครบถ้วน ก็ต้องอาศัยพ.ร.บ.ของพรรคประชาชนช่วย เพื่อให้มีความครบถ้วนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการควบคุมในส่วนของรถเมล์เพราะฉะนั้นพรรคประชาชนยืนยันว่าเราเห็นด้วยกับการทำตั๋วร่วม และการอุดหนุนค่าโดยสาร และการทำค่าโดยสารร่วม
ซึ่งประเด็นที่พรรคประชาชนไม่เห็นด้วยมีอยู่เรื่องเดียว คือ วิธีการหรือช่องทางการใช้เงิน ที่ไปใช้เงินของทาง รฟม. ขึ้นมา ซึ่งเป็นปัญหาที่มีการพิจารณากันในกรรมาธิการแต่ต้องยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ใช่จากพรรคประชาชนเพราะพรรคประชาชนต้องบอกว่าในกรรมาธิการไม่มีการเล่นเกมทั้งแบบองค์ประชุมในกรรมาธิการ โดยเรามีการประชุมทุกครั้งพยามที่จะผลักดันในข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาล
" แต่สิ่งที่มีความล่าช้าเกิดจากการวางนโยบายของรัฐบาลที่ผิดพลาดเอง ถ้าหากสังเกตทางด้านทางกรรมาธิการตั๋วร่วม เราประชุมกันตั้งแต่ตอนแรกเดือนเมษายนแต่รัฐบาลเพิ่งจะมาประชุม พ.ร.บ. รมฟ. เดือนพฤษภาคม นั่นหมายความว่า ก่อนหน้านี้ที่มีเวลาเกือบสองปีรัฐบาลไม่ได้วางแผนว่าจะใช้เงินจากช่องทางไหนและเพิ่งจะมาคิดได้หน้างาน ถึงมีการยื่นพ.ร.บ. รฟม. ขึ้นมา ซึ่งเกิดเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการผลักดันนโยบายของรัฐบาล หรือถ้าพูดง่าย ๆ คือการสะดุดขาตัวเอง " นายศุภณัฐกล่าว
นายศุภณัฐ กล่าวว่า ความล่าช้าเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่พรรคประชาชน แต่รัฐบาลเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบและความเสียหายที่เกิดขึ้นคือในเรื่องของตั๋วเหมาหรือตั๋วรายเดือนทางผู้ประกอบการยกเลิกไปแล้วทำให้ประชาชนที่เคยได้ตั๋วราคาถูกก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้
ทั้งนี้นายศุภณัฐ กล่าวว่า รัฐบาลต้องคิดให้ได้ทามไลน์ต่างๆควรจะวางและเสร็จเวลาไหน รัฐบาลสามารถคำนวณได้เพราะรัฐบาลเป็นเจ้าของเสียงข้างมาก และยืนยันว่าพรรคประชาชนพยายามที่จะผลักดันเรื่องของตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วมมาโดยตลอด เราไม่เคยคัดค้านแต่คัดค้านในเรื่องของ ประเด็นช่องทางการใช้เงินที่มีมีปัญหาเกิดขึ้น หลังจากนี้หวังว่ารัฐบาลจะพยายามยึดตาม กลไกของตั๋วร่วมคือทำให้เกิดตัวร่วมใบเดียวไม่ใช่ในปัจจุบันที่ใช้สองใบอย่างที่เป็นอยู่