กรมปศุสัตว์ หนุนตลาดเนื้อโคคุณภาพดีจากเกษตรกร
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 27 สิงหาคม 2568 เวลา 20.30 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกรุงเทพ 27 ส.ค. – กรมปศุสัตว์จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เพื่อรับซื้อเนื้อโคคุณภาพดีจากเกษตรกรโดยตรงซึ่งถ้าเกษตรกรเลี้ยงได้ถูกต้องตามหลักปศุสัตว์ สามารถติดต่อกรมปศุสัตว์ใกล้บ้านได้เลย
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือดังกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อทั่วประเทศกว่า 1 ล้าน 4 แสนราย กำลังเผชิญปัญหาด้านกลไกราคาและตลาดจำหน่ายสินค้า กรมปศุสัตว์จึงประสานความร่วมมือกับบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เพื่อเปิดช่องทางการจำหน่ายเนื้อโคคุณภาพที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์ ส่งตรงถึงผู้บริโภค ถือเป็นแนวทางสำคัญในการยกระดับรายได้เกษตรกร และสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยอาหาร โดยการลงนามครั้งนี้ไม่ได้มีการกำหนดปริมาณรับซื้อซึ่งถ้าหากเกษตรกรที่เลี้ยงโคเนื้อ สามารถเลี้ยงโดยไม่ใช้สารเร่งเนื้อแดงและเลี้ยงได้ตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์รวมทั้งมีโรงเชือดที่ผ่านการรับรอง สามารถติดต่อกรมปศุสัตว์ในจังหวัดได้เลย โดยหลังจากนี้กรมปศุสัตว์จะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจฟาร์มหรือพื้นที่เลี้ยงโคเนื้อของเกษตรกรที่อำเภอดอกคำใต้ จ.พะเยา อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และพื้นที่เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา
นอกจากนี้การลงนามดังกล่าวยังจะทำให้เกษตรกรไม่ต้องจำหน่ายโคเนื้อผ่านพ่อค้าคนกลางซึ่งจะทำให้ราคาโคเนื้อหน้าเขียงในท้องตลาดมีราคาถูกลงจากที่ขายอยู่ในขณะนี้กิโลกรัมละ 200-300 บาทแต่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายโดยตรงให้กับกรมปศุสัตว์เพราะไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง สำหรับราคาจำหน่ายให้กับกรมปศุสัตว์จะต้องไปดูราคากลางที่ทำให้เกษตรกรอยู่ได้ มีรายได้เพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือรับซื้อไม่อั้น หากผ่านมาตรฐานซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงจะมีผลตั้งแต่วันนี้ 27 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไปในระยะเวลา 2 ปีนับจากนี้
นางศิริพร เดชสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร (CMO) บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นสนับสนุนเกษตรกรไทย โดยดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล และตระหนักถึงแนวโน้มความต้องการบริโภคเนื้อโคคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเล็งเห็นโอกาสในการเชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้บริโภคผ่านระบบการจัดจำหน่ายที่มีมาตรฐาน นอกจากนี้ยังจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายโคเนื้อโดยตรงกับบริษัทซึ่งปัจจุบันมีสาขาทั่วประเทศอยู่ประมาณ 2,600 สาขา สำหรับบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ มีระยะเวลา 2 ปี โดยบริษัทฯ จะดำเนินการเจรจากับกลุ่มเกษตรกรเพื่อรับซื้อเนื้อโคที่ผ่านมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งสนับสนุนด้านการชำระเงินค่าสินค้าแบบพิเศษ เกษตรกรได้รับเงินเร็วและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารประกอบการซื้อขาย เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อมีอาชีพที่มั่นคง รายได้ที่เพิ่มขึ้น และสามารถยกระดับคุณภาพสินค้าเข้าสู่ตลาดที่มีศักยภาพ พร้อมขับเคลื่อนสินค้าเกษตรของไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน” อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าว.-513-สำนักข่าวไทย