ภูมิธรรมขอพิสูจน์หลักฐาน หลังกัมพูชาแถลงโต้เป็นทุ่นระเบิดเก่า หนุนแนวคิดสร้างรั้วถาวรบ้านหนองจาน หากเขตแดนชัด
วันนี้ (28 สิงหาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พลทหารเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล บริเวณปราสาทตาควาย ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วานนี้ ซึ่งพบว่าเป็นระเบิดใหม่ว่า ตอนนี้ก็ยังมีการถกเถียงกันอยู่ แต่ตนได้พูดคุยกับ พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว ท่านบอกว่าเรื่องนี้ต่างฝ่ายต่างเก็บหลักฐาน โดยจะนำเข้าไปสู่วงประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในวันที่ 10 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นการประชุมเรื่องตกค้างตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ที่กัมพูชาปฏิเสธและตอนนี้เพิ่งจะยอมรับให้เข้าไปเป็นหนึ่งในประเด็นที่จะพูดคุยในวงประชุมดังกล่าว
ส่วนที่เมื่อคืนนี้ฝ่ายกัมพูชาออกมาแถลงแสดงความเสียใจ แต่ยืนยันว่าระเบิดที่พลทหารเหยียบนั้นเป็นระเบิดเก่าไม่ใช่ของใหม่ที่กัมพูชาไปวางไว้ ภูมิธรรมกล่าวว่า ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริงและหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไทยจะยกระดับมาตรการให้มากกว่านี้หรือไม่ เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำได้แค่ประท้วง ภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องเข้าใจในกระบวนการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศ เมื่อเราทำตามกระบวนการทั้งหมด นานาชาติก็ชื่นชมในสิ่งที่เราทำ
ทั้งนี้ จากที่ตนได้พูดคุยกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงได้ร่วมรับประทานอาหารกับเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย เมื่อคืนที่ผ่านมา ทุกคนชื่นชมว่าเราทำตามในกระบวนการทางกฎหมาย จึงต้องให้ความสำคัญและระมัดระวัง เพราะหากผลีผลามไปก็จะเกิดเช่นเดียวกับกรณีปี 2554 ที่เราเสียเขาพระวิหาร ฉะนั้นไม่เกี่ยวว่าเรามีแต่ประท้วง แต่นี่ทำให้เรายืนอยู่ในจุดที่ได้รับความเห็นใจและได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ เพราะปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง
ส่วนกรณีที่ พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ออกมาระบุว่า มีแนวคิดให้สร้างรั้วถาวรบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว หากการประชุม GBC มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจนนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการเสนอเรื่องมาให้รัฐบาลพิจารณา แต่เข้าใจว่า ผบ.ทสส. อยากทำให้สบายใจในการแก้ไขปัญหา ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าตรงไหนชัดเจนแล้วก็สามารถสร้างได้
แต่หากตรงไหนยังไม่ชัด ต้องเคลียร์ให้ชัดก่อน ไม่เช่นนั้นจะกระทบปัญหาต่างๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ชายแดนขณะนี้ยังมีบางส่วนที่ไม่ชัดเจน ทำให้ต้องไปพูดคุยกันตามกระบวนการต่อไป