BullVPN บริการ VPN ที่เข้าถึงทุกเว็บ เล่น LINE เล่น Facebook ได้ทั่วโลก ปลอดภัย ราคาดี
BullVPN บริการ VPN ที่เข้าถึงทุกเว็บ และแอปฯ ได้ทั่วโลก ปลอดภัย
เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยประสบปัญหาการใช้งานอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นขณะท่องเที่ยวหรือไปเรียน ไปทำงานเป็นเวลานาน ๆ โดยปัญหาใหญ่ ๆ อย่างหนึ่งก็คือ การใช้งาน แอป Facebook, แอป LINE หรือแม้แต่ Google ถูกปิดการเข้าถึง (Block)
และเมื่อแอปพลิเคชันปัจจัยที่ 5 ที่ 6 ของไทยถูกปิดกั้น ไปจนถึงเนื้อหา เว็บไซต์ต่างประเทศที่เข้าถึงจากไทยไม่ได้ อย่างเช่นภาพยนตร์ ซีรีส์บางเรื่องที่มีเฉพาะประเทศอื่น ดูในไทยไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรดี ? บริการ BullVPN นี่แหละที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา แล้วบริการ BullVPN จะช่วยได้อย่างไรกันบ้าง
เนื้อหาภายในบทความ
- VPN คืออะไร ?
(What is VPN ?) - ดาวน์โหลดโปรแกรม และแอป BullVPN
(BullVPN Software and Applicaiton Download) - เริ่มต้นใช้งาน บริการ BullVPN
(Get Started with BullVPN) - ทดสอบการใช้งานจริงของ บริการ BullVPN
(BullVPN Service Test) - ทำไมต้องเลือกใช้ บริการ BullVPN ?
(Why do we have to use BullVPN Service ?) - บริการ BullVPN สามารถปรับค่าอะไรได้บ้าง ?
(BullVPN Service Settings Adjustment) - แนะนำโปรโตคอล VPN ที่ทาง BullVPN ไว้วางใจ
(Introduction to BullVPN Protocols) - ข้อดี และข้อสังเกต ของ บริการ BullVPN
(BullVPN Service Pros and Cons)
VPN คืออะไร ? (What is VPN ?)
VPN คืออะไร ? คำนี้แปลว่า เครือข่ายอินเทอร์เน็ตส่วนตัวแบบเสมือน (Virtual Private Network) ที่หลายคนรู้จักในฐานะช่องทางทางเลือกสำหรับใช้งาน อินเทอร์เน็ต (Internet) ที่ช่วยให้เข้าถึงเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ข้อมูลที่ถูกปิดกั้น หรือถูกบล็อก (Block) ภายในประเทศนั้น ๆ ได้
แต่จริง ๆ แล้ว VPN คือการสร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตส่วนตัวแบบเสมือนจริง มีการป้องกันข้อมูลรั่วไหล เข้าถึงเนื้อหาจากต่างประเทศได้ ซึ่ง VPN บางประเภทนั้นจะไม่เก็บข้อมูลประวัติการใช้งานแบบการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไป หรือที่เรียกว่า VPN ที่ไม่บันทึกประวัติการใช้งาน (No-Log VPN) และยังสามารถ ปกปิด หมายเลขที่อยู่ไอพี (IP Address) ส่วนตัวได้ ทำให้การใช้งาน VPN มีความปลอดภัยและเป็นอิสระมากกว่า และเข้าถึงคอนเทนต์จากต่างประเทศที่ถูกบล็อก หรือไม่สามารถเข้าถึงด้วยวิธีปกติได้
สำหรับ VPN นั้นมีมากมายหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งแต่ละประเภทจะมีความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันไป ทั้งใช้งานในกล่มลูกค้ารายย่อย ลูกค้าธุรกิจ VPN สำหรับองค์กรที่มีสำนักงานในหลายประเทศ ฯลฯ โดย VPN ที่ใช้งานทั่วไปอย่างแพร่หลายมากที่สุดก็คือ Point-to-Point Tunneling Protocol (PPTP VPN) ซึ่งใช้หลักการสร้างอุโมงค์และจับข้อมูล ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย VPN ใช้งานด้วยการ Login Account ที่สมัครไว้กับบริการ VPN แต่ละแห่ง
ข้อมูลเพิ่มเติม : VPN คืออะไร ? การมุด VPN ทำงานยังไง และ ทำอะไรได้บ้าง ?
ดาวน์โหลดโปรแกรม และแอป BullVPN (BullVPN Software and Applicaiton Download)
ทางไทยแวร์ได้ทดสอบใช้งานแอป BullVPN ผ่านคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ซึ่งขั้นตอนแรกเลยก็คือ การดาวน์โหลด และติดตั้งโปรแกรม ซึ่งขั้นตอนเหมือน ๆ กับโปรแกรมทั่วไป
ในขณะที่การใช้งานบนอุปกรณ์ iOS และ Android สามารถเข้าไปดาวน์โหลดที่ App Store และ Google Play Store ผ่านลิงก์นี้ได้เลย
ดาวน์โหลดโปรแกรม BullVPN ได้ที่ :
ตัวอย่างการติดตั้ง BullVPN บนคอมพิวเตอร์ Windows 10
ใครที่ไม่อยากดาวน์โหลดโปรแกรมลงคอมพิวเตอร์ ทาง BullVPN ก็ยังมีอีกตัวเลือกอย่าง Chrome Extension ติดตั้งบน เว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome ได้เลย
เริ่มต้นใช้งาน บริการ BullVPN (Get Started with BullVPN)
เริ่มต้นใช้งานโปรแกรม BullVPN ด้วยวิธีง่าย ๆ เริ่มจากการสมัครบัญชี (Account) จากนั้นยืนยันตัวตนใน อีเมลที่ใช้สมัครสมาชิก (Registered Email) ดาวน์โหลดโปรแกรม BullVPN และติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์ หรือแอปพลิเคชัน BullVPN ลงบนสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android จากนั้นก็ทำการเข้าสู่ระบบ (Login) และเริ่มต้นใช้งาน BullVPN กันได้เลย …
เริ่มด้วยการสมัครบัญชีผู้ใช้งาน BullVPN ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.bullvpn.com/th แล้วกดที่ "ปุ่มสมัครบริการ" สีส้มมุมขวาบน
จากนั้น ให้กรอกอีเมลที่ใช้งานปัจจุบัน (เพราะต้องใช้ยืนยันตัวตน) ชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) สำหรับการเข้าสู่ระบบ (Login) จากนั้นก็กดที่ "ปุ่มสมัครใช้บริการ"
หลังจากสมัครบนเว็บไซต์แล้ว จะได้รับ อีเมลยืนยันตัวตนจากทีมงาน Support ของ BullVPN พร้อม Username ที่เราตั้งไว้ หากเช็คแล้วว่าข้อมูลถูกต้อง รวมไปถึงอีเมลถูกต้อง ก็กดคลิกที่ "ปุ่มกดยืนยันการลงทะเบียน" (Activate My Account) ได้เลย
ทดสอบการใช้งานจริงของ บริการ BullVPN (BullVPN Service Test)
เมื่อนำ VPN มาใช้งาน สิ่งที่พบคือความเร็วอินเทอร์เน็ตยังอยู่ในระดับปกติ แม้จะเชื่อมต่อ BullVPN ร่วมด้วย ก็ไม่ได้ทำให้ความเร็วของสัญญาณลดลงเลย ซึ่งทางไทยแวร์ได้ทดสอบการใช้งานจริงเพิ่มเติมผ่านการดูหนังและเล่นเกมออนไลน์ ก็ยังลื่นไหลไม่มีสะดุด เหมือน ๆ กับการใช้งานปกติ เรียกได้ว่า BullVPN ไม่มีผลต่อความเร็วอินเทอร์เน็ต ไม่ทำให้เกิดปัญหาใด ๆ ขณะดูหนัง เล่นเกมข้ามเซิร์ฟเวอร์ (Server) ซึ่งผลจากการทดสอบจริงนั้นถือว่าน่าประทับใจทีเดียว
ความเร็วอินเทอร์เน็ตขณะใช้งาน BullVPN
สำหรับการใช้งาน VPN ที่น่าจะอยู่คู่กับทุกคนคือ การรับชมคอนเทนต์ของโซนประเทศอื่น ๆ เช่น ดูหนังบนแอป Netflix ที่บางครั้งเราก็อยากจะดูหนังเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่มีในแอป Netflix ไทยบ้าง ก็สามารถเลือก เซิร์ฟเวอร์ของแต่ละประเทศที่วงเล็บต่อท้ายด้วย Netflix ไปได้เลย
และบางเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐฯ ก็มีไว้สำหรับมุดเข้าไปดูแอป Disney+ ได้โดยเฉพาะ หรือจะเลือกการ์ตูนอนิเมะผ่านเซิร์ฟเวอร์ ของประเทศญี่ปุ่นก็ได้เช่นกัน ส่วนเรื่องความเร็ว ความลื่นไหลขณะดูหนังนั้นก็ไม่มีอะไรน่าห่วง วิดีโอดาวน์โหลดล่วงหน้าเตรียมไว้อย่างรวดเร็ว รับรองว่าไม่ขาดอรรถรสขณะการรับชม
ข้ามไปดู Netflix ฝั่งอเมริกาก็สบาย ๆ เลย
การใช้งานร่วมกับเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ
เนื่องจากจุดประสงค์การใช้งาน VPN หลัก ๆ ก็คือการเชื่อมเข้ากับคอนเทนต์ของต่างประเทศ ซึ่งทาง BullVPN มีเซิร์ฟเวอร์ VPN มากกว่า 300 เซิร์ฟเวอร์ ใน 49 ประเทศทั่วโลก
แต่ในการใช้งานครั้งแรก ๆ ระบบจะตั้งค่าเริ่มต้น (Default Value) ให้เชื่อมเข้ากับ เซิร์ฟเวอร์ของไทยก่อน ส่วนระยะเวลาการสลับเซิร์ฟเวอร์ไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นั้น ใช้เวลาประมาณ 30 วินาที - 1 นาที เท่านั้น เรียกได้ว่าใช้เวลาแป๊บเดียวก็สามารถสลับ เซิร์ฟเวอร์ได้อย่างสะดวก
ยกตัวอย่างการใช้งาน บริการ BullVPN ของเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเกาหลี ข้ามไปดูซีรีส์หรือรายการทีวีที่ tv.naver.com แน่นอนว่าดูได้แบบสบาย ๆ บนความละเอียด Full HD 1080p เรียกได้ว่าตั้งแต่เริ่มเชื่อมต่อกับบริการ BullVPN มุดไปยังฝั่งเกาหลี จนถึงการเข้าเว็บไซต์ ดูซีรีส์นั้นรวดเร็วมาก ๆ แทบไม่มีช่วงเวลาให้รอเลย
ดูซีรีส์ส่งตรงจากเกาหลีได้เลยแบบไม่ต้องรอ
ลดค่าปิง (Ping) ได้จริงหรือไม่ ?
ส่วนการใช้งาน บริการ BullVPN สำหรับเล่นเกมนั้น ใช้ได้ทั้งมุดไปยัง เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใน ทวีปอื่น ๆ รวมถึงลด ค่าปิง (Ping) ทำให้อินเทอร์เน็ตมีความเสถียรขณะเล่น ซึ่งทดสอบด้วยอดีตเกมยอดฮิตที่หลายคนน่าจะเคยเล่นอย่างเกม ROV แม้ว่า VPN มีจุดประสงค์หลักอย่างการข้ามไปเล่น เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศอื่น แต่เมื่อทดสอบกับการเล่น เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ก็พบว่าการเล่นเกมลื่นไหลดีมาก ๆ ตอบสนองขณะเล่นได้ดี ลดอาการแลคของเกมและการแกว่งของ ค่าปิงได้จริง ๆ
แม้จะใช้บริการ BullVPN เล่นเกม ROV ผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ก็ช่วยให้อินเทอร์เน็ตขณะเล่นลื่นไหลและเสถียรขึ้น
ในเรื่องของการใช้งาน บริการ BullVPN ในการเล่นเกมเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในต่างประเทศ ทางเราได้ทดสอบกับเกม Ragnarok Origin ร่วมกับ เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเกาหลีแล้วนั้น เรื่องของความเสถียรขณะเล่นเกม การตอบสนองต่าง ๆ ก็ทำได้ดีมาก ๆ เช่นกัน มีความลื่นไหล สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่แกว่งหรือสะดุดระหว่างเล่น ถ้าใครอยากเล่นเกม Ragnarok Origin จากทางเกาหลี การันตีว่าเล่นผ่านบริการ BullVPN เล่นได้ ไม่มีปัญหาแน่นอน
เล่นเกม Ragnarok Origin ของเกาหลีแบบลื่น ๆ ไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม ความหมายของคำว่า ลดค่าปิง ของบริการ BullVPN ไม่ได้แปลว่าเป็นการเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด เรียกว่าเป็นการอำนวยความสะดวกขณะเล่นเกมจะถูกกว่า ไม่ว่าจะเป็นการช่วยข้ามไปเล่นโซนอื่น ๆ นอกเหนือจากในไทย การทำให้ความเร็วขณะเล่นเกมที่โอเคขึ้น อินเทอร์เน็ตมีความเสถียร ลดอาการแกว่ง นั่นเป็นเพราะว่าจำกัดการเล่นเกมไว้ใน VPN โดยเฉพาะนั่นเอง
ทำไมต้องเลือกใช้ บริการ BullVPN ? (Why do we have to use BullVPN Service ?)
ผู้ให้บริการ VPN มีให้เลือกมากมายหลายเจ้า แต่ละเจ้าก็มีจุดขายที่แตกต่างกันออกไป แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าบริการ VPN แบบไหนจะเหมาะกับคุณ ลองมาดูจุดเด่น ข้อดีของบริการ BullVPN กันก่อน เพราะมีทั้งจุดเด่นทั้งในแง่ของเซิร์ฟเวอร์ ที่มีจำนวนมาก ตั้งในหลายประเทศ รวมไปถึงแพ็กเกจราคาที่ถูก และไม่แพงจนเกินไป รวมไปจนถึงความสามารถ หรือฟีเจอร์ยิบย่อยอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย
1. BullVPN เป็นบริการ VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์ ตั้งอยู่ในไทยมากที่สุด
ทาง BullVPN มีเซิร์ฟเวอร์ VPN มากกว่า 300 เซิร์ฟเวอร์ ใน 49 ประเทศทั่วโลก เรียกได้ว่าเยอะมาก ๆ เอาแค่เฉพาะโซนเอเชียก็มีทั้ง เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ใน ประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, หรือแม้แต่สิงคโปร์ สามารถมุดไปที่ไหนก็ได้ตามใจชอบเลย
สำหรับในบางประเทศก็มีจะการระบุชัดเจนว่าเหมาะสำหรับใช้งานแบบใด เช่นเซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกาบางเซิร์ฟเวอร์สำหรับบริการสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ และ Netflix โดยเฉพาะ จึงสามารถเลือก เซิร์ฟเวอร์ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบได้ โดยประโยชน์ของ เซิร์ฟเวอร์จำนวนมากก็คือ รองรับผู้ใช้งานจากทั่วโลกได้พร้อม ๆ กัน หาก เซิร์ฟเวอร์ใดความเร็วเริ่มช้าลง ก็สามารถเปลี่ยนไปเลือก เซิร์ฟเวอร์ภูมิภาคอื่น ๆ ทดแทนกันได้
2. ใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, iOS, Android และ Chrome Extension
รองรับระบบปฏิบัติการที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่เลือก ทั้งคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Windows, macOS หรือจะใช้งานในรูปแบบส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome (Chrome Extension) ก็ได้ รวมถึงสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ iOS และ Android นอกจากนี้สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งบน Smart TV ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะใช้งานเพื่อการทำงานหรือความบันเทิงใด ๆ ก็ใช้งานบริการ BullVPN ได้สะดวกทุกที่ทั่วโลก และยังสามารถใช้งานกับอุปกรณ์ได้ถึง 4 เครื่องพร้อมกัน
มั่นใจได้ว่าใช้งานบน iOS และ Android ได้แน่นอน
3. รองรับการใช้งานจากหลายประเทศ
เพราะทุกประเทศต่างก็มีเนื้อหาที่ถูกจำกัดหรือปิดกั้นการเข้าถึงที่แตกต่างกันไป บางประเทศอาจทำให้ไม่สามารถใช้งานแชทผ่านแอป LINE ได้ รวมถึงการอัปเดตโลกโซเชียลผ่านแอป Facebook, Twitter, Instagram จึงทำให้ VPN เป็นอีกวิธีแก้ปัญหาที่ได้รับความนิยม เพราะใช้งานง่าย เข้าถึงได้ทุกสื่อโซเชียล และเว็บไซต์ที่ต้องการ
โดยบริการ BullVPN นั้น จะปลอดภัยจากการถูกตรวจจับ ช่วยปกปิด หมายเลขไอพี (IP Address) ของตัวเองได้ และบริการ BullVPN ยังรองรับการใช้งานจากหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน, รัสเซีย, เกาหลีใต้, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ฯลฯ อีกกว่า 49 ประเทศทั่วโลก และยังนำ VPN มาใช้งานในไทยต่อได้ด้วย
4. มี PrivateVPN สำหรับผู้ต้องการใช้งานส่วนตัว
นอกเหนือจาก VPN รูปแบบปกติแล้ว ยังสามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้สูงขึ้นไปอีก ด้วย Private VPN หรือ Proxy ส่วนตัวสำหรับใช้งานคนเดียวโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้งานอินเทอร์เน็ตสาธารณะหรือออนไลน์นอกสถานที่เป็นส่วนใหญ่ เพราะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะถูกเข้าถึงหรือเจาะข้อมูลได้ง่าย Private VPN จะช่วยเสริมความปลอดภัยระหว่างใช้งานให้สูงยิ่งขึ้น และเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูก Block ได้ตามความต้องการของลูกค้าอีกด้วย รวมไปถึงผู้ที่ต้องการปกปิด IP Address ก็สามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ด้วย Private VPN เช่นเดียวกัน
5. ช่วงราคาที่หลากหลาย เริ่มต้นเพียง 99 บาทเท่านั้น
สำหรับค่าบริการของบริการ BullVPN เรียกได้ว่ามีความหลากหลาย เลือกใช้ได้ตามสะดวก โดยเบื้องต้นบริการ BullVPN จะเปิดให้ใช้งานฟรี 1 วันหลังจากสมัครบริการ แต่ถ้าต้องการใช้งานต่อจากนี้ แพ็กเกจของบริการ BullVPN มีค่าบริการ ราคาเริ่มต้นเพียง 99 บาทเท่านั้น ! ใช้งานได้ 7 วัน
และสำหรับใครที่ใช้งาน VPN เป็นประจำ ขอแนะนำให้ซื้อแพ็กเกจ 1 เดือนขึ้นไป เริ่มต้นเดือนละ 249 บาท และยังมีแพ็กเกจ 3 เดือน, แพ็กเกจ 6 เดือน แพ็กเกจ 1 ปี และแพ็กเกจ 2 ปีให้เลือก! สมัครแพ็กเกจได้ที่เว็บไซต์ https://www.bullvpn.com/th/order ได้เลย!
- แพ็กเกจ 7 วัน ราคา 99 บาท
- แพ็กเกจ 1 เดือน ราคา 249 บาท
- แพ็กเกจ 3 เดือน ราคา 649 บาท
- แพ็กเกจ 6 เดือน ราคา 1,149 บาท
- แพ็กเกจ 1 ปี ราคา 1,990 บาท
- แพ็กเกจ 2 ปี ราคา 3,490 บาท
6. เติมเงินและวันง่าย ๆ ได้ทุกช่องทาง
บริการ BullVPN มีช่องทางการชำระเงินที่สะดวก หลากหลาย เช่น ชำระค่าบริการ QR Code (สแกนจากแอปพลิเคชั่นธนาคารได้เลย), Credit / Debit Card, Stripe, Paypal, True Wallet, บัญชีธนาคาร ฯลฯ
ซึ่งค่าบริการจะขึ้นอยู่กับวันใช้งานที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งมีตั้งแต่ 7 วันไปจนถึงรายปีเลยทีเดียว
ลักษณะการชำระค่าบริการของ บริการ BullVPN จะเป็นแบบเดียวกับการเติมเงินเบอร์โทรศัพท์ หากวันใช้งานหมดเมื่อไหร่ให้เติมเพิ่มเมื่อนั้น หรือหยุดใช้งานเมื่อไหร่ก็ยังไม่ต้องเติมเงินก็ได้ จะไม่มีการต่ออายุอัตโนมัติ หากวันใช้งานยังไม่หมดแล้วเติมเงินเข้าไป ระบบของ BullVPN จะทบวันใช้งานเพิ่ม ไม่หักวันใช้งานเก่าทิ้ง พร้อมแสดงวันใช้งานที่หน้าโปรแกรม ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียผลประโยชน์หรือวันรั่วไหลอีกต่อไป
7. สมัคร 1 บัญชี (Account) เพื่อใช้งานได้ 4 อุปกรณ์
ลูกค้า BullVPN สามารถใช้งาน 1 บัญชี (Account) เข้ากับอุปกรณ์ 4 เครื่องได้ เมื่อสมัครแพ็กเกจตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นแพ็กเกจ 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี และ 2 ปี เหมาะสำหรับใช้งานบนคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่น ๆ พร้อมกัน และยังเหมาะกับนักศึกษาที่ไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อแบ่งกันใช้กับเพื่อน รูมเมท หรือจะหาเพื่อนมาช่วยหารค่า VPN ก็ช่วยประหยัดได้อีกทาง
8. No Log VPN ไม่เก็บประวัติการใช้งาน
บริการ BullVPN ยังเสริมความปลอดภัยอีกชั้น ด้วยความเป็นบริการ VPN ที่ไม่เก็บข้อมูลประวัติการใช้งาน (No Log) โดย VPN บางแห่งจะมีการเก็บข้อมูลการใช้งานของลูกค้าอย่างละเอียด ซึ่งบางคนอาจไม่ต้องการให้ใครทราบประวัติการใช้งานใด ๆ ทาง BullVPN จึงไม่เก็บ Log ประวัติการใช้งานลูกค้า แต่จะเก็บเฉพาะ Log เวลาที่เข้าสู่ระบบ (Login) เข้าระบบและออกจากระบบ (Logout) ออกจากระบบเท่านั้น และสร้างความไว้วางใจให้แก่ลูกค้า ด้วยการลบ Log การใช้งานทั้งหมดทิ้งทุก ๆ 3 เดือน อีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม : No-Log VPN หรือ เครือข่ายส่วนตัวเสมือนแบบไม่เก็บ Log คือ อะไร ?
ตัวอย่าง Log ที่เกิดขึ้นเมื่อ Login ใช้งานระบบ BullVPN
9. มีบริการ Support ลูกค้า เมื่อเกิดปัญหา
ส่วนเรื่องบริการสนับสนุน (Support) เมื่อเจอปัญหาขณะใช้งาน ปัญหาการชำระเงินหรืออื่น ๆ ทาง BullVPN ก็มีทีมงานคอยสนับสนุน และช่วยเหลือทุกปัญหาของทางลูกค้า ผ่านหลาย ๆ ช่องทางเช่น
- Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/bullvpn/
- LINE Official Account : @BullVPN
- Email : support@bullvpn.com
บริการ BullVPN สามารถปรับค่าอะไรได้บ้าง ? (BullVPN Service Settings Adjustment)
แต่ก่อนที่จะไปใช้งานบริการ BullVPN มาดูในส่วนของการตั้งค่าต่าง ๆ กันก่อน โดยบริเวณมุมซ้ายบนของโปรแกรมจะมีปุ่ม 3 ขีด ซึ่งมีให้เลือกทั้ง
- Account (เกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้งาน)
- Upgrade (เฉพาะเวอร์ชันฟรีหรือช่วงบัญชีหมดอายุ ต้องการเติมแพ็กเกจเพิ่ม)
- Check IP (ตรวจสอบเลข IP Address)
- Logs (ดูไฟล์ Log)
- Setting (การตั้งค่า)
- Information (ข้อมูลต่าง ๆ)
- Term and Policy (ข้อกำหนดและนโยบาย)
- Share (ช่องทางดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน BullVPN)
เราขอแนะนำในส่วนสำคัญของแอปพลิเคชัน ดังนี้
Setting หรือการตั้งค่าทั่วไป เป็นการตั้งค่าเกี่ยวกับโปรแกรม การแจ้งเตือน รวมถึงการเชื่อมต่อเข้ากับเซิร์ฟเวอร์โดยอัตโนมัติ (Auto Connect) เมื่อเริ่มใช้งาน VPN
ส่วนการตั้งค่าขั้นสูง (Advanced) นั้น มีให้เลือกทั้ง DNS Leak Protection สำหรับปกปิดตัวตน ป้องกันการรั่วไหลของเลข IP, Prevent IPv6 Address Detection สำหรับปิด IPv6 และ Auto Kill-Switch ช่วยปกป้องเลขหมายเลขไอพี ขณะใช้งาน VPN แม้อินเทอร์เน็ตขณะนั้นจะใช้การไม่ได้ก็ตาม
สำหรับหน้าบัญชี (Account Page) จะเป็นหน้าแสดงผลข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้รายนั้น ๆ มีตั้งแต่ชื่อผู้ใช้งาน (Username), อีเมล (Email) ที่ใช้ในการสมัคร, วันหมดอายุการใช้งานและจำนวนเครื่องที่สามารถใช้งานพร้อมกันได้สูงสุด ซึ่ง BullVPN สามารถเชื่อมต่อสูงสุดได้ 4 เครื่องพร้อมกัน
ปิดท้ายด้วย Info หรือช่องทางการติดต่อกับทาง BullVPN เมื่อเกิดปัญหาใด ๆ ทีมงานพร้อม Support ทุกปัญหาของลูกค้า ทั้งช่องทางโทรศัพท์ E-mail, LINE, Social Media หรือลูกค้าในประเทศจีนก็ติดต่อผ่าน WeChat ได้
ส่วนหน้าของ View Log จะแสดงผลขึ้นตั้งแต่ช่วงที่เริ่มทำการเชื่อมต่อ (Connect) กับ VPN ซึ่งทาง BullVPN บอกว่า Log ของที่นี่จะไม่เก็บประวัติการใช้งาน เก็บเฉพาะเวลา Log in และ Log Out เท่านั้น จึงช่วยให้รักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี
แนะนำโปรโตคอล VPN ที่ทาง BullVPN ไว้วางใจ (Introduction to BullVPN Protocols)
ก่อนจะไปทำความรู้จักกับโปรโตคอล VPN ของ BullVPN เราขออธิบายสั้น ๆ ก่อนว่า "โปรโตคอล VPN คืออะไร?" โดยพื้นฐานแล้ว โปรโตคอล VPN คือวิธีการที่ VPN กำหนดวิธีการเชื่อมต่อและเข้ารหัสข้อมูลระหว่างอุปกรณ์เช่น มือถือ คอมพิวเตอร์ กับเซิร์ฟเวอร์ของ VPN ซึ่งการเข้ารหัสและการเชื่อมต่อนี้เป็นเสมือน “อุโมงค์ปลอดภัย” สำหรับส่งข้อมูล ซึ่งมีผลกับความเร็ว, ความเสถียรในการใช้งาน และทำให้ได้มาซึ่งความสามารถในการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกจำกัด ที่หลาย ๆ คนต้องการจากบริการ VPN นั่นเอง
สำหรับโปรโตคอล VPN ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของบริการ VPN เนื่องจากโปรโตคอล VPN เป็นสิ่งที่แสดงว่าบริการ VPN นั้น ๆ มีความปลอดภัยในการเชื่อมต่อแค่ไหน, ความเร็วขณะใช้งาน VPN เป็นอย่างไร ไปจนถึงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ที่จะประทับใจในความลื่นไหล โดยโปรโตคอล VPN ที่ BullVPN เลือกใช้ ได้แก่
1. OpenVPN
โปรโตคอล VPN ประเภทแรกก็คือ Open VPN (Open-source Virtual Private Network) จากชื่อก็เห็นเลยว่านี่คือซอฟต์แวร์แบบ Open-Source เปิดให้ทุกคนเข้ามาอัปเดตความปลอดภัย ตรวจสอบช่องโหว่และแก้ไขได้ โดย OpenVPN ใช้เทคโนโลยี SSL/TLS แบบเดียว HTTPS ที่เราเคยเห็นบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ทำงานได้ทั้งบน UDP ที่ให้ความเสถียร แต่ต้องแลกกับความเร็วที่ช้ากว่าเล็กน้อย และ TCP ที่ให้ความเร็วและลื่นไหล
ด้านความปลอดภัยของ OpenVPN ยังอยู่ในระดับสูง เทียบเท่าองค์กร ด้วยการเข้ารหัสแบบ AES-256, RSA และ SHA และยังรองรับการยืนยันตัวตนด้วยวิธีที่หลากหลาย เช่น การใช้ Certificate, Username และ Password รวมถึง TLS-auth เป็นต้น
ตัวอย่างการเลือกโปรโตคอล VPN ใน BullVPN
โดย OpenVPN มีจุดเด่นที่มีความปลอดภัยสูง มีการจัดการปัญหาอยู่เสมอ เหมาะกับประเทศที่บล็อกการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต สามารถเลือกโหมด UDP และ TCP ได้ตามการใช้งาน หากต้องการเล่นเกมหรือสตรีมมิ่งก็เลือก UDP แต่ถ้าใช้งานดาวน์โหลดไฟล์ เน้นความเสถียร เลือก TCP ก็เพียงพอแล้ว
2. IKEv2
สำหรับโปรโตคอล VPN IKEv2 (Internet Key Exchange version 2) เป็นโปรโตคอล VPN ที่เกิดจากการพัฒนาร่วมกันของ Microsoft และ Cisco ซึ่ง IKEv2 ใช้งานโดยการจับคู่กับระบบยืนยันตัวตน IPsec เพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสและปลอดภัยนั่นเอง จึงเป็นโปรโตคอล VPN อีกประเภทที่มั่นใจได้ในความปลอดภัย
ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-vector/virtual-private-network-illustration_21743673.htm
ส่วนความเร็วขณะใช้งาน IKEv2 ให้ความเร็วที่สูงมากและเสถียร อีกทั้งยังมี MOBIKE (Mobility and Multihoming Protocol) ช่วยให้การสลับเครือข่ายระหว่าง Wi-Fi และสัญญาณมือถือไม่หลุด ไม่ต้องเชื่อมต่อใหม่ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องเดินทางบ่อย ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต (แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์ Android เวอร์ชันเก่า อาจไม่รองรับในบางรุ่น) และต้องการความเร็ว เสถียรในระดับดี
3. WireGuard
โปรโตคอล VPN WireGuard ถือได้ว่าเป็นน้องใหม่มาแรง แม้จะเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2019 แต่ถูกพัฒนาต่อเนื่องจนสมบูรณ์ในปี 2023 และนั่นทำให้ WireGuard เป็นโปรโตคอล VPN ที่ได้รับความนิยม ทั้งในแง่ของความเร็วสูง แม้จะใช้งานร่วมกับอุปกรณ์รุ่นเก่า, ปลอดภัยมากขึ้นด้วยการเข้ารหัสแบบใหม่ อย่าง ChaCha20 และ Curve25519 ที่เร็วกว่าการเข้ารหัสแบบ AES อีกทั้งตัวโปรโตคอล VPN WireGuard มีขนาดเล็กกว่าประเภทอื่น ทำให้ตรวจสอบปัญหา ช่องโหว่ และอัปเดตความปลอดภัยได้ง่าย
เรื่องความเร็วในการใช้งาน โปรโตคอล VPN WireGuard ถือว่าเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับโปรโตคอล VPN อื่น ๆ เมื่อผู้ใช้เปิดเว็บไซต์หรือดูวิดีโอ ข้อมูลจะถูกส่งไปกลับรวดเร็วยิ่งขึ้น ค่า Latency (ค่าความหน่วงในการส่งข้อมูล) ลดลง ตอบสนองได้ทันใจ การเชื่อมต่อ VPN และเริ่มใช้งานรวดเร็วมาก จึงเหมาะกับผู้ใช้ทุกคนที่ต้องการความเร็วและปลอดภัยขณะใช้งาน
ข้อดี และข้อสังเกต ของ บริการ BullVPN (BullVPN Service Pros and Cons)
อย่างไรก็ตามบริการ BullVPN ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ระบบปฏิบัติการ macOS ที่แม้จะเปิดให้ใช้บริการแล้ว แต่เรียกได้ว่ายังไม่สมบูรณ์เมื่อเทียบกับการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ Windows, อุปกรณ์ iOS และ Android ซึ่งทางทีมงาน BullVPN กำลังปรับปรุงในส่วนนี้อยู่
ในขณะที่การใช้งานดูหนังบนสมาร์ททีวี (Smart TV) ร่วมกับบริการ BullVPN นั้น ขณะนี้ทีมงานกำลังพัฒนาฟีเจอร์นี้อยู่ แต่ใช้วิธีการเปิดหนังผ่านโน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต สมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อ BullVPN แล้วทำการ Screen Mirror เข้า Smart TV แทนได้
ใครที่อ่านข้อดี จุดเด่นของบริการ BullVPN แล้วอยากลองใช้ขึ้นมาทันที ดาวน์โหลดโปรแกรมและสมัครผ่าน Thaiware.com ที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลย ที่สำคัญ ซื้อแพ็กเกจใช้งาน BullVPN อย่าลืมใช้โค้ดส่วนลด THAIWARE (พิมพ์ตามนี้เลย) รับไปเลย ส่วนลด 10%! เฉพาะที่นี่เท่านั้น
ส่วนราคาต่อเดือนก็ถือว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับการใช้งานที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ยิ่งซื้อมาก ราคาต่อเดือนยิ่งถูกลง แถมยังได้ส่วนลดจากเรา คุ้มแบบนี้จะหาที่ไหนได้อีก !
รับสิทธิพิเศษจาก BullVPN และ Thaiware คลิกที่นี่
➤ Website : https://www.thaiware.com
➤ Facebook : https://www.facebook.com/thaiware
➤ Twitter : https://www.twitter.com/thaiware
➤ YouTube : https://www.youtube.com/thaiwaretv