เปิดคำสารภาพลูกชายฆ่ารัดคอแม่ ก่อนนำร่างโบกปูนในห้องน้ำ
เปิดคำสารภาพลูกชายฆ่ารัดคอแม่แท้ๆ ก่อนนำร่างโบกปูนในห้องน้ำ นานร่วม 2 สัปดาห์
ความคืบหน้ากรณีลูกชายบุกแจ้งตำรวจ สน.ร่มเกล้าว่าตัวเองลงมือก่อเหตุฆ่าแม่แท้ๆแล้วโบกปูนไว้ในห้องน้ำ ร่วม 2 สัปดาห์
ล่าสุดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบ้านหลังเกิดเหตุ ซอยเคหะร่มเกล้า 27 แยก 7-2 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร พบร่างของ นางสาว วรนันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 73 ปีอยู่ในอ่างอาบน้ำ คาดว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 วัน ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายบอย อายุ 33 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต
ชาวบ้านเล่าว่า ผู้ตายเคยขายลอตเตอรี่แต่ถูกโกงก็เลยเลิกขายไป มีเงินคนชราใช้เป็นรายเดือนไป โดยพักอาศัยกันสองแม่ลูกมาได้ 3 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินเรื่องราวว่าสองแม่ลูกเคยทะเลาะเบาะแว้งกันแต่อย่างใด ทราบเพียงว่าฝ่ายลูกชายป่วยเป็นจิตเวชอยู่ แต่ก็ไม่เคยมีอาการอาละวาดหรือก่อความรุนแรงแต่อย่างใด ซึ่งโดยปกติจะเห็นผู้ตายเดินออกมากดน้ำดื่มอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่เห็นมาประมาณ 3-4 วันแล้ว พอมารู้ว่าเป็นเหตุลูกค้าแม่ก็รู้สึกสลดใจ
ขณะที่ร้อยตำรวจเอก สุขุม พุทธรรมรินทร์ พนักงานสอบสวน สน. ร่มเกล้า เล่าว่าระหว่างอยู่เวรปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนอยู่ที่โรงพัก นายบอย ผู้ก่อเหตุ ได้เดินเข้ามาที่โรงพัก แล้วบอกว่าตนเองฆ่าแม่ตาย ทิ้งศพไว้ในอ่างอาบน้ำในห้องน้ำภายในบ้าน ตอนแรกก็ไม่เชื่อนึกว่าพูดเล่น แต่เพื่อความแน่ใจ จึงประสานให้ตำรวจสายตรวจไปตรวจสอบ ก็พบว่าในอ่างน้ำนั้นมีพิรุธ เพราะมีเสื้อผ้าและปูนทับถมอยู่ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาตรวจสอบก็พบว่ามีศพอยู่ด้านในจริง
พลตำรวจตรี เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 เปิดเผยว่า หลังจากนายบอย ได้ไปแจ้งตำรวจว่าฆ่าแม่ของตนเองได้ควบคุมตัวไว้
จากการสอบถามเบื้องต้นนั้นสาเหตุอาจมาจากความเครียด เพราะผู้ตายต้องคอยหาน้ำหาข้าวให้ลูกชายอยู่ตลอดเวลา โดยนายบอย บอกว่าใช้มือบีบคอแม่ของตัวเองจนเสียชีวิต จากนั้นก็อำพรางด้วยการนำร่างของแม่ใส่ในอ่างน้ำ แล้วนำเสื้อผ้าไม่ต่ำกว่า 50 ชิ้น มาวางบนร่าง ก่อนจะเทผงปูนซีเมนต์ลงไปในถังเพื่ออำพรางกลิ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนอย่างละเอียด
จากการตรวจสอบพบว่า นายบอยไม่เคยมีประวัติใช้ยาเสพติด และไม่เคยก่อเหตุรุนแรง แต่มีประวัติรักษาอาการป่วยจิตเวชกับทางโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งในบอยยังอยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจ ตามขั้นตอนแล้วจะต้องส่งตัวไปตรวจร่างกาย เพื่อให้แพทย์ลงความเห็นว่าป่วยเป็นจิตเวชหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนตามกฏหมาย