“วิสุทธิ์” จ่อทานข้าวพรรคร่วมพร้อม สส. 22 ก.ค. นี้
“วิสุทธิ์” สวน สส.มีเอกสิทธิ์ บังคับไม่ได้ ย้ำหากรับผิดชอบเสียงปริ่มน้ำผ่านไปได้ เผย จ่อทานข้าวพรรคร่วมพร้อม สส. 22 ก.ค. นี้
วันที่ 12 ก.ค. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคภูมิใจไทย ออกมาบอกว่ามี สส.งูเห่าเติมเสียงให้รัฐบาลวงเงินจำนวน 8 หลัก ว่าในอดีตที่เขาไปอยู่พรรคภูมิใจไทยเป็นงูเห่าหรือไม่ ในสมัยที่พรรคเพื่อไทยไหลไปพรรคภูมิใจไทยเยอะแยะ เป็นงูเห่าหรืองูเขียว ตอนนี้ สส.พรรคภูมิใจไทยที่มา เป็นงูเห่าหรือเป็นเอกสิทธิ์ของเขา บางคนมองว่า การใช้สิทธิ์ในการลงมติในสภาฯเป็นเอกสิทธิ์ สส. 3 คนของพรรคภูมิใจไทย เขาอาจมีความคิดว่า สิ่งไหนที่เขาจะทำเราไปบังคับจิตใจเขาไม่ได้ว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นเอกสิทธิ์ วันนี้ สส. 3 คนจะไปว่าเขาเป็นงูเห่าทำไม ตอนที่เขาไปพรรคภูมิใจไทย เรียกว่าอะไร อุดมการณ์ หรือไง ตอนที่หนีไปอยู่พรรคคุณยุคหนึ่งจำได้ไหม กลับไปดูหน่อย อันนั้นเป็นอุดมการณ์หรือไม่ที่ย้ายไปอยู่พรรคคุณ พอมาลงคะแนนให้รัฐบาลเป็นงูเห่าเหรอ ในฐานะที่เป็นวิปรัฐบาลตนไม่ทราบด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร แต่ตนเชื่อว่าเขามาด้วยเอกสิทธิ์ สส. คนเป็นผู้แทนไปบังคับเขาไม่ได้หรอก เป็นเรื่องเอกสิทธิ์ของผู้แทน 3 คนอาจจะคิด หรืออยากเห็นรัฐบาลไปต่อ ก็เป็นเอกสิทธิ์ของเขาอย่าไปบังคับเขาเลย ผู้แทนไม่ใช่ทาส
เมื่อถามว่าวิปรัฐบาลจะคุมเสียงอย่างไร เพราะขณะนี้ถือว่าเสียงปริ่มน้ำมาก นายวิสุทธิ์ กล่าวว่าเรายอมรับว่าเป็นสภาฯที่มีเสียงปริ่มน้ำ แต่หากทุกคนมาสภาฯก็ผ่านได้ วันนั้นยอมรับว่า มีรัฐมนตรีบางท่านเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ และมีประชุมในห้องกรรมาธิการต่างๆ ดังนั้นจึงต้องบอกประธานในที่ประชุม อย่างน้อยๆการจะเรียกคนทั้งหมดลงมาอาจจะใช้เวลาซักครึ่งชั่วโมง ควบคุมได้อยู่ ถ้ารัฐมนตรีทุกคนมาประชุมที่สภาฯ เหตุการณ์อย่างนี้ก็ไม่น่ากังวลอะไร ถ้าทุกคนรับผิดชอบต่อสภาฯ เชื่อมั่นว่า จะฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ไม่มีปัญหา
กรณีกระแสข่าวแกนนำพรรคเพื่อไทย นัดพรรคร่วมรัฐบาลทานข้าวร่วมกันโดยจะมี สส. ร่วมทานข้าวด้วย ว่า มีการพูดคุยกันมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่สส.มีโอกาสได้ไปทานข้าว คุยกันบ้าง ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทำความรู้จักกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการนัดทานอาหารของพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้ นอกจากจะมีบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนครั้งก่อนๆแล้ว ยังจะเชิญสส.พรรคร่วมบาล ร่วมทานข้าวร่วมกันในครั้งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในรัฐบาลด้วย โดยเบื่องต้นกำหนดเป็นวันอังคารที่ 22 ก.ค. โดยยังไม่มีการแจ้งสถานที่แต่อย่างใด