"พ่อฟ้า" โวเล่นการเมือง 7 ปีคุ้มแล้ว ชี้ 20 ปีศาล รธน.เปลี่ยน 4 นายกฯอาจมีอีก 1 ถามจะส่งต่ออะไรให้ลูกหลาน
“ธนาธร” เปิดใจลงเล่นการเมือง 7 ปี คุ้มแล้ว! อัดมีความพยายามของอีกฝ่าย หยุดยั้ง “ประชาธิปไตย” ร่ายเป็นชุด 20 ปีผ่านมา เปลี่ยนนายกฯ จากศาล รธน. 4 คน ลั่น เร็วๆ นี้อาจเพิ่มอีก 1 บอกแบบนี้ใครมาบริหารก็เหนื่อย ถามจะส่งต่ออะไรให้ลูกหลาน
วันนี้ (18 ก.ค. 2568) ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวผ่านรายการ Exclusive Talk : ผ่าทางตัน จัดโดยเครือเนชั่น ถึงการทำงานการเมืองตลอดเวลาที่ผ่านมา ว่า คุ้มมาก เราเสียเวลาไป 7 ปีกว่า ผ่านการเลือกตั้ง 2 ครั้ง วาระที่ก้าวหน้าเกินกว่าที่สังคมจะยอมรับ ณ วันนั้น กลายเป็นวาระที่ปกติในสังคมไทยในวันนี้ มีการถกเถียงกันได้ 7 ปีที่ผ่านมา คุ้มมาก ตนตัดสินใจถูก จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากถ้าคนมีความรู้ความสามารถ ตัดสินใจไม่ทำงานการเมือง เพราะกลัวผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านคดีความ ชื่อเสียง อย่างที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น ถ้าการเมืองไม่ปกติ คนมีความรู้ความสามารถไม่กล้าเข้ามาและน่าจะเป็นการเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ
เมื่อถามว่าถึงทางตันหรือยัง นายธนาธร กล่าวว่า ถ้าทุกฝักทุกฝ่ายเชื่อมั่นในประชาธิปไตย การเมืองไม่ถึงทางตันแน่นอน ตนคิดว่ามีความพยายามจากหลายฝักหลายฝ่ายที่จะผลักดันให้ประชาธิปไตยไปสู่ทางตัน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจเข้ามาแทรกแซงการเมือง วันนี้เราน่าจะเห็นร่องรอยตรงนั้นแล้ว ซึ่งนี่คือสิ่งที่ตนกังวลว่าเวลาเราพูดถึงทางตัน ถ้าไม่มีใครตั้งใจสร้าง มันไม่เกิดขึ้น ตนคิดว่าเป้าหมายของเขาคือหยุดยั้งกาลเวลาทางการเมือง เพื่อให้ระบบระเบียบทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองในประเทศไทยคงอยู่ไว้อย่างนี้ต่อไป
นายธนาธร ไล่เรียงว่า ปีนี้ 2568 ครบรอบ 20 ปีพอดี ของการเริ่มต้นชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรามีนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 9 คน , รัฐธรรมนูญมาแล้ว 3 ฉบับ , มีชุมนุมใหญ่ 4 ครั้ง , มีการทำรัฐประหาร 2 ครั้ง , มีนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งโดยศาลรัฐธรรมนูญ 4 คน
“หรือเร็วๆ นี้ อาจจะมีเพิ่มอีกคนด้วย อาจจะเป็น 5 คนด้วยซ้ำไป มีการยุบพรรคการเมืองหลักไปแล้วไม่น้อยกว่า 9 พรรค ถ้าลองไล่ดู และยังมีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่การโมฆะการเลือกตั้ง 2 ครั้ง ถ้ามีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในเร็วๆ นี้ จะมีนายกรัฐมนตรี 10 คน สังคมแบบนี้เป็นสังคมที่อยากส่งต่อให้ลูกหลานหรือไม่ ผมคิดว่าไม่ใช่ นี่แหละทำไมถึงเห็นร่องรอยนั้น” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร ย้ำว่า จุดที่สำคัญที่สุด คือเราไม่มีข้อตกลงร่วมกัน ว่าสังคมไทยจะแบ่งอำนาจกันอย่างไร ฝ่ายบริหารควรจะมีอำนาจเท่าไหร่ การมีรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับในรอบ 20 ปี หมายความว่าเราหาข้อสรุปในสังคมไม่ได้ ว่าเราจะอยู่ร่วมกันกติกาแบบไหน ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรามีความจำเป็นต้องเข้ามาออกแบบกลไกบริหาร ตรวจสอบถ่วงดุลร่วมกันใหม่ คือการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
”20 ปีที่ผ่านมา บอกแล้วว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยไม่แก้ปัญหาทางการเมือง เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่ภาวะการเมืองแบบนี้ กฎกติกา ช่วงเวลาสังคมไม่มีข้อตกลงในการอยู่ร่วมกัน ใครก็บริหารประเทศไม่ได้ ใครมาบริหารก็เหนื่อย 20 ปีที่ผ่านมา มันบอกเราว่าการทำรัฐประหาร การใช้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มันพาประเทศไปข้างหน้าไม่ได้ มันแก้ปัญหาเดิมไม่ได้ และยังสร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย“ นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร ยอมรับว่า สาเหตุที่เปลี่ยนแปลงยาก เพราะนักการเมืองไปสร้างเงื่อนไขด้วย ตอนสมัยตนตั้งพรรคอนาคตใหม่ บอกได้เลยว่าวันนั้นเรายังพูดเลยว่าเราจะมาทวงคืน 1 ทศวรรษที่หายไป
“เลือกตั้งครั้งหน้าทวงคืน 2 ทศวรรษแล้วนะครับ ไม่ใช่ทศวรรษเดียวแล้ว พรรคประชาชนตอนนี้มีความมั่นคงเรื่องกฎหมาย เพราะไม่มีกรณีที่จะถูกยุบพรรค ดังนั้น ผมคิดว่าในห้วงภาวะวิกฤตทางการเมืองแบบนี้ ถ้าจะหาข้อคิดให้พรรคการเมืองและตั้งธงให้ยุบพรรค มันหาได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร ยังกล่าวว่า ไม่มีอะไรดีที่สุด มันจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยน เมื่อสังคมเปลี่ยนไป จึงถือว่าดี อาจจะต้องถูกแก้ไขให้เท่าทันกับยุคสมัย ดังนั้น รัฐธรรมนูญ 2540 มาเพื่อแก้โจทย์นั้น แต่มันยังไม่ถูกใช้อย่างเต็มที่ อะไรที่ไม่ดีให้เปลี่ยน อะไรที่ดีให้คงไว้ ถ้าเราเชื่อมั่นในธิปไตยมันก็จะพัฒนามากขึ้น
เมื่อถามว่าอีกฝั่งที่จะหยุดยั้งการเมืองเพื่ออะไร นาย ธนาธร กล่าวว่า เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เพื่อรักษาอำนาจ ระบบระเบียบของสังคมแบบนี้ไว้ อาจจะพูดว่าเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมได้ การตั้งพรรคการเมือง มันกระทำผ่านสภาผู้แทนราษฎร มันเป็นพื้นที่ที่หาทางออกร่วมกัน ผ่านการพูดคุย ถ้าจะทำให้ประเทศไทยแข่งขันกับโลกได้ คนไทยเท่าทันโลกได้ มีแต่ต้องเปลี่ยนแปลงให้เร็วกว่าหรือเร็วเท่ากับโลกเท่านั้น
นายธนาธร กล่าวว่า โครงสร้างแบบปัจจุบันที่เป็นอยู่มันเปลี่ยนแปลงไม่ทัน ตัวอย่างการจัดสรรงบประมาณ ถ้ายังจัดแบบเดิมอยู่ เราจะตอบรับกับการเข้ามาของ AI ได้อย่างไร เราจะตอบรับกับการเข้ามาของภาวะ Climate Change ได้อย่างไร หรือกฎระเบียบใหม่ของโลกได้อย่างไร ถ้าเราไม่ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมือง ลูกหลานเราจะเอางานที่ไหนทำ เราจะส่งออกอะไร ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงเป็นพลวัตของสังคมอยู่แล้ว ยิ่งปัญหาวันนี้ ถ้าเดินด้วยสปีดนี้ มันจะเดินไม่ทันแล้ว ตกขบวน
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO