วัดภูม่านฟ้า คนแห่เที่ยวเพิ่มเท่าตัว หลังกัมพูชาฟ้องยูเนสโก ปมลอกนครวัด
กัมพูชายื่นเรื่องต่อยูเนสโก กล่าวหาไทยลอกนครวัดสร้าง วัดภูม่านฟ้า ที่บุรีรัมย์ แต่ข้อกล่าวหากลับทำให้คนไทยและนักท่องเที่ยวแห่ไปวัดเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว
จากกรณีข้อพิพาททางวัฒนธรรมระหว่างไทยและกัมพูชาที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในเวทีระดับนานาชาติ หลังจากที่ทางการกัมพูชาได้ยื่นเรื่องกล่าวหาต่อองค์การยูเนสโกว่า ประเทศไทยกำลังก่อสร้าง วัดภูม่านฟ้า ที่ จ.บุรีรัมย์ โดยลอกเลียนแบบปราสาทนครวัดของกัมพูชานั้น ล่าสุดได้เกิดปรากฏการณ์น่าสนใจ เมื่อข้อกล่าวหาดังกล่าวกลับทำให้คนไทยและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปยังวัดภูม่านฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าตัว
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา บรรยากาศที่วัดภูม่านฟ้า หรือ วัดพระพุทธบาทศิลา ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนทั้งในและต่างจังหวัดเดินทางมาเยี่ยมชมความงดงามและกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดอย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าการก่อสร้างในหลายจุดจะยังไม่แล้วเสร็จก็ตาม ปรากฏการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของคนไทยที่ต้องการไปเห็นข้อเท็จจริงด้วยตาตนเอง และเป็นการให้กำลังใจต่องานสถาปัตยกรรมของไทย
ต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว แหล่งข่าวจากทางวัดได้ยืนยันว่า การก่อสร้างปราสาทหินและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ภายในวัด ไม่ได้เป็นการลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด หรือโบราณสถานแห่งใดแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เกิดจากจินตนาการและแรงบันดาลใจของผู้ก่อสร้าง ที่ต้องการสร้างสรรค์พุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ โดยได้ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับแรงบันดาลใจจากศิลปะขอมโบราณและพุทธศิลป์แบบอินเดีย ซึ่งเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมร่วมกันในภูมิภาคนี้
สำหรับสิ่งก่อสร้างที่เป็นประเด็นหลักคือ พระมหาเจดีย์ (ปราสาทสีหนคร) ซึ่งเป็นเจดีย์และปราสาทจำลองที่สร้างจากหินทรายและแกะสลักด้วยมือทั้งหมด เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยโครงสร้างหินทรายที่ซ้อนชั้นกันนั้นมีเจตนาเพื่อสื่อถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่จะยืนยงไปถึง 5,000 ปี ไม่ใช่การจำลองโบราณสถานของชาติใดชาติหนึ่ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง