“สหรัฐ-จีน” เจรจา 5 ชั่วโมงที่สตอกโฮล์ม ลุ้นขยายสงบศึกการค้าก่อนเส้นตาย 12 ส.ค.
เจ้าหน้าที่เศรษฐกิจระดับสูงของ สหรัฐ-จีน พบปะที่กรุงสตอกโฮล์ม เพื่อหารือนานกว่า 5 ชั่วโมง หวังลดความตึงเครียดทางการค้า และปูทางสู่การขยายเวลาข้อตกลงชั่วคราวอีก 90 วัน ก่อนเส้นตายวันที่ 12 ส.ค.
วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 02.45 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ (28 ก.ค.) โดยคณะผู้แทนจากทั้งสองฝ่ายนำโดย นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และ นายเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้เข้าพบหารือกันที่สำนักงานนายกรัฐมนตรีสวีเดน (Rosenbad) เป็นเวลานานกว่า 5 ชั่วโมง โดยไม่มีแถลงการณ์ใด ๆ ต่อสื่อมวลชนในวันแรก และคาดว่าการเจรจาจะดำเนินต่อเนื่องในวันนี้
สาระสำคัญของการเจรจามุ่งเน้นที่การหาทาง ขยายระยะเวลาข้อตกลงชั่วคราวที่บรรลุในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ออกไปอีก 90 วัน ก่อนที่มาตรการภาษีศุลกากรในระดับสูงจะกลับมาบังคับใช้ในวันที่ 12 สิงหาคม
การเจรจาครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เปราะบาง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่สกอตแลนด์ว่า “ผมอยากเห็นจีนเปิดประเทศให้มากกว่านี้”
หากการเจรจาไม่บรรลุข้อตกลงภายในเส้นตาย มาตรการภาษีในระดับสามหลักที่ถูกระงับไว้ชั่วคราวอาจกลับมามีผลอีกครั้ง ซึ่งเท่ากับเป็นการตั้งกำแพงการค้าแบบกึ่งคว่ำบาตรระหว่างสองประเทศ และอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานโลก
ด้าน นายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ซึ่งเข้าร่วมการหารือครั้งนี้ กล่าวกับ CNBC ว่า“ผมไม่คาดว่าจะเกิดความคืบหน้าใหญ่โตในวันนี้ เรามุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบความคืบหน้าในการปฏิบัติตามข้อตกลงเดิม และวางรากฐานสำหรับการค้าที่ยั่งยืนและสมดุลในอนาคต”
การเจรจาที่สตอกโฮล์มเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งลงนามในข้อตกลงการค้าฉบับใหญ่ที่สุดกับสหภาพยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรปที่ 15% ซึ่งอาจส่งแรงกดดันให้จีนเร่งหาข้อสรุปกับสหรัฐด้วย
ขณะเดียวกัน รายงานจาก Financial Times ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐ ได้ชะลอการใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีไปยังจีน เพื่อเอื้อให้การเจรจาดำเนินต่อได้อย่างราบรื่น และเป็นการปูทางสู่การประชุมระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งอาจจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมหรือต้นพฤศจิกายนนี้
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ทวิภาคียังคงมีปัจจัยเสี่ยง โดยวุฒิสมาชิกของสหรัฐจากทั้งสองพรรคเตรียมเสนอร่างกฎหมายชุดใหม่ที่มุ่งตอบโต้จีนในประเด็นสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อย และสถานะของไต้หวัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการเจรจา
มีรายงานด้วยว่า ประธานาธิบดีไต้หวัน นายไล่ ชิงเต๋อ อาจชะลอแผนการเยือนสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม หลังทีมงานหารือกับฝ่ายบริหารของทรัมป์แล้วพบว่า การเยือนดังกล่าวอาจกระทบต่อการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เนื่องจากจีนถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตน
ที่ผ่านมา การเจรจาในเจนีวาและลอนดอนเมื่อเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน มุ่งลดระดับมาตรการภาษีตอบโต้จากทั้งสองฝ่าย รวมถึงหาทางฟื้นการส่งออกสินค้าสำคัญ เช่น แร่หายากจากจีน และชิป AI จากบริษัท Nvidia ของสหรัฐ ซึ่งถูกระงับจากมาตรการควบคุมด้านความมั่นคง
ทั้งนี้ การเจรจายังไม่ขยายไปถึงประเด็นเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง เช่น ข้อกังวลของสหรัฐ ว่าระบบเศรษฐกิจแบบอิงรัฐและการผลิตเกินของจีนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก หรือข้อกังวลของจีนต่อการควบคุมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่อาจมีเป้าหมายในการขัดขวางการเติบโตของจีน
นักวิเคราะห์ประเมินว่าการเจรจากับจีนจะมีความซับซ้อนกว่ากับประเทศอื่นในเอเชีย และต้องใช้เวลานาน โดยเฉพาะเมื่อจีนยังมีอำนาจต่อรองผ่านการควบคุมตลาดแร่หายากที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีของสหรัฐ
อ้างอิง : reuters.com