อดีตแอร์ฯ มาเล่าเอง ความลับชวนช็อกบน "เครื่องบินส่วนตัว" ของเหล่าเศรษฐีระดับโลก
อดีตพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเคยพบเห็นความลับชวนช็อกมากมายบนเครื่องบินส่วนตัวของเหล่าเศรษฐี ตั้งแต่ปาร์ตี้สุดเหวี่ยงยาวตลอดทั้งคืน พฤติกรรมหยาบคาย ไปจนถึงเรื่องชู้สาว
ในปี 2015 แดเนียล สไตรอน ขณะนั้นอายุ 32 ปี ได้รับเชิญให้ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งเป็นงานในฝันของเธอ ตำแหน่งนี้ให้ค่าตอบแทนระดับเลขหกหลัก พร้อมสิทธิประโยชน์ครบครัน และมีโอกาสเดินทางไปยังรีสอร์ตสุดหรูทั่วโลก ตามรายงานของ New York Post
แต่ตลอดการสัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์ทั้งสองครั้ง นักบินกลับพูดเป็นนัยถึง “ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง” ของเจ้าของเครื่องบิน ซึ่งเป็นชายเคร่งศาสนา ใช้เวลาครึ่งเดือนเดินทางกับครอบครัว และอีกครึ่งเดือนบินไปกับแฟนสาว
ต่อมานักบินได้อธิบายชัดเจนว่าหน้าที่ของเธอจะต้อง “มีส่วนร่วม” ในกิจกรรมลับกับแฟนสาวของมหาเศรษฐีคนนั้น ขณะที่เจ้าตัวจะเป็นผู้สังเกตการณ์ “เราบินกับพวกเขาแค่เดือนละครั้ง ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเป็นเลสเบี้ยน แค่ทำตัวให้สนุกก็พอ” เขาพยายามเกลี้ยกล่อมสไตรอน
สไตรอนได้เขียนเล่าประสบการณ์การสมัครงานสุดเลวร้ายครั้งนั้น รวมถึง 7 ปีที่เธอบินร่วมกับบรรดาเศรษฐีและคนดัง ในหนังสือบันทึกความทรงจำ The Mile High Club: Confessions of a Private Jet Flight Attendant (Mile High Club: คำสารภาพของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินส่วนตัว) ซึ่งร่วมเขียนกับพี่ชาย เจมส์ สไตรอน
Danielle Styron
ความลับชวนช็อก: ความหรูหราและความหยาบคาย
ในหนังสือเล่มนี้ ชื่อของตัวละครทั้งหมดถูกเปลี่ยนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้อง “พวกคุณรู้ตัวเองดีว่าเป็นใคร” สไตรอนเขียนไว้ในคำนำของหนังสือ ปัจจุบันสไตรอนอายุ 41 ปี อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก สหรัฐฯ เธอเล่าว่าแม้จะปฏิเสธข้อเสนอให้ขึ้นเครื่องบินที่มีพฤติกรรมล่อแหลมเมื่อสิบปีก่อน แต่ก็ได้ทำงานร่วมกับเจ้าของเครื่องบินจอมเฮี้ยบหลายคนในเวลาต่อมา
อดีตพนักงานต้อนรับรายนี้ยังจำประสบการณ์เลวร้ายกับแขกผู้ร่ำรวยบางคน ที่เธอขนานนามว่า “ปีศาจ” ได้อย่างแม่นยำ เจ้าของเครื่องบินคนหนึ่งเคยตำหนิเธอเพียงเพราะเตรียมเตกีล่าไม่พอ ภรรยาของเศรษฐีบางคนที่หมกมุ่นกับอาหาร คุมทุกอย่างในครัวอย่างเข้มงวด ขณะที่ผู้ช่วยคนหนึ่งถึงขั้นขู่จะชกหน้าสไตรอน เพียงเพราะแซนด์วิชมื้อเช้าของเขายังอุ่นไม่พอ
ครั้งหนึ่งหญิงผู้มั่งคั่งคนหนึ่งถึงกับผลักเธอไปกระแทกผนังเครื่องบินระหว่างที่เครื่องกำลังสั่นไหว เพราะสุนัขของเธอถูกรบกวน “เธอปฏิบัติต่อหมาดีกว่าที่เคยปฏิบัติต่อพนักงานบนเครื่องทุกคนเสียอีก” สไตรอนกล่าว
หนึ่งในเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตการทำงานของสไตรอน คือเมื่อเธอถูกสั่งให้หาสปาร์กลิงไวน์ (แชมเปญ) บนเกาะเขตร้อน St. Maarten เพียงไม่นานหลังจากที่เกาะเพิ่งถูกพายุพัดถล่ม ลูกค้ารายนั้นเรียกร้องจะดื่มแชมเปญทั้งที่ชาวบ้านกำลังเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
“ฉันยืนอยู่ตรงนั้นแล้วคิดในใจว่า "ไม่มีแชมเปญที่นี่หรอก พายุเพิ่งผ่านไป ผู้คนยังต้องต่อแถวรอรับขนมปังอยู่เลย แต่เขากลับให้ฉันใช้เงิน 20,000 ดอลลาร์ซื้อไวน์มีฟอง"” สไตรอนให้สัมภาษณ์กับ The New York Post
ในตอนนั้นมีซูเปอร์มาร์เก็ตเพียงแห่งเดียวที่เปิดอยู่ และเธอก็ต้องจำใจเดินเข้าไปเสี่ยงดวงหาแชมเปญ “รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกคู่ขนาน” เธอเล่าย้อนถึงเหตุการณ์นั้น
สไตรอนยังเคยพบเห็นเรื่องราวคบชู้แบบโจ่งแจ้งบนเครื่องบินส่วนตัวของเหล่าเศรษฐี มีเจ้าของเครื่องบินรายหนึ่ง บินมากับภรรยาที่ตั้งครรภ์ในบางเที่ยว แต่บางเที่ยวก็พาสาวสวยที่เป็นชู้ขึ้นมาด้วย แม้จะรู้สึกเจ็บปวดในฐานะผู้หญิง แต่สไตรอนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเงียบไว้
ดังที่ชื่อหนังสือระบุไว้ เหตุการณ์วาบหวิวของเหล่าเศรษฐีเกิดขึ้นบนเครื่องบินอยู่เสมอ ลูกเรือรวมถึงสไตรอนทำได้แค่ถอยไปอยู่ส่วนหัวของเครื่องบิน ปล่อยให้แขกทำตามใจ และค่อยกลับมาจัดเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อยหลังจากจบ "กิจกรรม" แล้ว
Danielle Styron
สิทธิพิเศษที่มาพร้อมกับงาน
แม้จะต้องเจอกับสถานการณ์น่าหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง แต่งานนี้ก็มีด้านที่น่ารื่นรมย์และสิทธิประโยชน์มากมาย สไตรอนได้บินฟรีไปยังสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ร่วมงานปาร์ตี้แบบไม่ต้องเสียเงิน และยังมีโอกาสได้พบปะกับคนดังระดับโลกในระยะประชิดหลายครั้ง
เธอเล่าถึงครั้งหนึ่งที่เที่ยวบินล่าช้าเพราะปัญหาทางเทคนิค เธอได้รับมอบหมายให้ดูแลอาหารและความบันเทิงระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังแก้ไขปัญหา และผู้โดยสารในวันนั้นก็คือนักแสดงตลกชื่อดัง เจมี ฟ็อกซ์ (Jamie Foxx) ซึ่งสไตรอนบอกว่าเป็น “คนดังที่น่าประทับใจที่สุด” เท่าที่เธอเคยเจอ
“เขาชวนคุยและเล่าเรื่องตลกให้ฟัง เป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ แม้เวลาจะผ่านไป 3 ชั่วโมง อาหารก็หมด แชมเปญมิโมซาหมด ผู้โดยสารหลายคนเริ่มหงุดหงิด แต่ เจมี ฟ็อกซ์ ไม่เลย เขายังยิ้มและใจดีเหมือนเดิม นั่นทำให้ฉันกลับมามีความหวังในความเป็นมนุษย์อีกครั้ง” สไตรอนกล่าว
เมื่อได้ใกล้ชิดกับผู้คนในแวดวงชั้นสูง อดีตพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนนี้ก็สัมผัสได้ถึงความทุกข์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกนอกอันหรูหรา
“คุณอาจคิดว่าคนพวกนี้มีทุกอย่างแล้วใช่ไหม? แต่สิ่งที่ฉันเห็นมันตรงกันข้ามเลย พวกเขาเต็มไปด้วยความไม่มั่นคง เพื่อนของพวกเขาก็มีแต่แข่งกันเอง ผู้ชายคนหนึ่งมีเครื่องบินหลายลำ มีภรรยาสวย มีทุกอย่างที่คนทั่วไปฝันถึง แต่กลับหมกมุ่นกับแค่กิ๊บติดผมเล็ก ๆ ไม่กี่อัน” เธอเล่า
ท้ายที่สุด สไตรอนก็ตัดสินใจลาออกจากวงการการบิน และกลับไปทำอาชีพเดิมของเธอในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม
ปัจจุบันเธอเป็นเจ้าของ Fluff NYC สตูดิโอดูแลผิวหน้าและคิ้วในย่าน Upper East Side ในนิวยอร์ก ซึ่งเธออธิบายว่า “ที่นี่ฉันดูแลแค่ใบหน้าของผู้คน ไม่ใช่อีโก้ของพวกเขา” พร้อมเสริมว่า “มันอาจจะไม่หรูเท่า แต่สงบสุขกว่าเยอะเลย”