ว่าที่ทูตสหรัฐในไทย ชี้รบกัมพูชากระทบความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐ
นายฌอน โอ’นีล (Sean O’Neill) ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารว่า หากได้รับการรับรองให้ดำรงตำแหน่ง เขาจะส่งสัญญาณไปยังกรุงเทพฯ อย่างชัดเจนว่า ความขัดแย้งชายแดน เช่นเหตุปะทะล่าสุดระหว่างไทยและกัมพูชา มิได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนไทย หรือความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรระหว่างไทยกับสหรัฐฯ
นายโอ’นีล ซึ่งเป็นนักการทูตอาชีพ และเคยปฏิบัติหน้าที่ทางการทูตในประเทศไทยมาแล้วสองวาระ ระบุข้อคิดเห็นดังกล่าวระหว่างการพิจารณารับรองตำแหน่ง โดยมีการกล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นเวลาห้าวัน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 ราย และมีประชาชนมากกว่า 300,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่
สหรัฐฯ สนับสนุนทางออกอย่างสันติ – เตือนเรื่องผลกระทบต่อความร่วมมือทางการค้า
ผู้นำของทั้งสองประเทศได้พบปะกันที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงเพื่อยุติความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่าสิบปี ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกคำเตือนไปยังผู้นำของไทยและกัมพูชาในช่วงสุดสัปดาห์ว่า การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ จะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ หากเหตุการณ์สู้รบยังคงดำเนินอยู่
เมื่อถูกตั้งคำถามว่า หากได้รับการรับรอง จะดำเนินการอย่างไรเพื่อส่งเสริมให้ข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวนำไปสู่สันติภาพอย่างยั่งยืน นายโอ’นีลตอบว่า:
“สิ่งแรกที่ผมจะทำคือชี้ให้ประเทศไทยเห็นว่า ประเทศของท่านซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญาของเราประเทศหนึ่งในเอเชีย การทำสงครามหรือความขัดแยงลักษณะเช่นนี้ ไม่ได้ช่วยเหลือประชาชนของท่านเลย
ไม่มีส่วนในการเสริมสร้างพันธมิตรระหว่างเรา ไม่ช่วยจัดการกับความท้าทายที่ทั้งสองประเทศเผชิญ และท้ายที่สุดคือความสูญเปล่าทั้งชีวิตและทรัพยากรโดยไม่จำเป็น”
เรียกร้องไทยอย่าสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมา
ในประเด็นเกี่ยวกับเมียนมา นายโอ’นีลระบุว่า รัฐบาลไทยไม่ควรให้การรับรองหรือมอบความชอบธรรมแก่รัฐบาลทหารเมียนมา พร้อมยืนยันจุดยืนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า ไม่สนับสนุนให้มีการจัดการเลือกตั้งที่ “ปราศจากความชอบธรรม” ซึ่งคณะรัฐประหารในเมียนมาตั้งใจจะจัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้
“หากได้รับการรับรอง ผมจะเรียกร้องให้ประเทศไทยไม่รับรองการเลือกตั้งที่ปราศจากการมีส่วนร่วมของประชาชนกว่า 50% ของประเทศ ในขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านส่วนใหญ่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ” นายโอ’นีลกล่าว