เร่งอัดมาตรการช่วยชายแดนไทย-กัมพูชา ‘พิชัย’ สั่งขยายเงินทดรองราชการ เลื่อนชำระภาษี
'พิชัย' เร่งเข็นมาตรการช่วยเหลือประชาชน-ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ลุยขยายวงเงินทดรองราชการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดละ 100 ล้านบาท พร้อมขยายเพิ่มหากไม่เพียงพอ ชงเลื่อนเวลายื่นแบบและชำระภาษี ไปถึง 30 ก.ย. 2568 พ่วงให้ลดหย่อนค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยไม่เกิน 1 แสนบาท ยานพาหนะไม่เกิน 3 หมื่นบาท ด้านแบงก์รัฐเดินเครื่องอัดมาตรการช่วยเต็มสูบ
29 ก.ค. 2568 - นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เปิดเผยถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ มาตรการในระดับพื้นที่ ประกอบด้วย 1. ขยายวงเงินทดรองราชการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดละ 100 ล้านบาท และพร้อมพิจารณาขยายเพิ่มหากไม่เพียงพอ เพื่อให้จังหวัดสามารถบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัวและตอบโจทย์ความต้องการในพื้นที่
2. อำนวยความสะดวกในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เกี่ยวข้องกับภารกิจด้านความมั่นคงให้สามารถดำเนินการได้อย่างเร่งด่วน ผ่านวิธีเฉพาะเจาะจง และ 3. เตรียมมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนผ่านธนาคารของรัฐ เช่น ธ.ก.ส. โดยจะให้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่เกษตรกร รวมถึงสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) สำหรับผู้ได้รับความเสียหาย
และมาตรการด้านภาษี โดยเลื่อนเวลาการยื่นแบบและการชำระภาษี ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ จากเดิมระหว่างวันที่ 24 ก.ค. – 31 ส.ค. 2568 เป็นภายในวันที่ 30 ก.ย. 2568 อีกทั้งประชาชนสามารถหักลดหย่อนค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์ความเสียหายได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท และสำหรับยานพาหนะไม่เกิน 30,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการจากสถาบันการเงินของรัฐ ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ให้พักชำระเงินต้นให้กับลูกหนี้ที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบจนถึงงวดเดือนธันวาคม 2568 และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยบางส่วน และมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไม่ต้องมีหลักประกัน วงเงิน 20,000 บาท/ราย ผ่อนชำระ 12 เดือน ดอกเบี้ย 0.60%/เดือน, สินเชื่อเพื่ออาชีพ ผ่อนชำระ 60 เดือน ดอกเบี้ย 0.75%/เดือน และสินเชื่อเอสเอ็มอี ลูกค้าเดิมไม่เกิน 5 ล้านบาท รายใหม่ไม่เกิน 3 ล้านบาท ผ่อนชำระ 7 ปี ดอกเบี้ยปีแรก MLR -2.65%, ปีถัดไป MLR รวมทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียม Front End Fee และ Prepayment Fee
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรร์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีสินเชื่อฉุกเฉิน วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท/ราย ดอกเบี้ย MRR (6.725%) ผ่อน 3 ปี ปลอดดอกเบี้ย 6 เดือน และสินเชื่อฟื้นฟูชีวิตและทรัพย์สิน วงเงินไม่เกิน 500,000 บาท ดอกเบี้ย MRR - 2% ต่อปี ผ่อนสูงสุด 15 ปี ด้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ เช่น ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% นาน 5 ปี, ผู้ที่บ้านเสียหายทั้งหลัง หรือทุพพลภาพ/เสียชีวิต ได้สิทธิอัตราดอกเบี้ย 0.01% ตลอดอายุสัญญา และกรณีกู้สร้างบ้านใหม่ ดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก เดือนที่ 7–12 = 0.50% ต่อปี
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME D Bank) มีการพักชำระเงินต้น ลดค่างวด ขยายเวลา พร้อมทั้งมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เช่น “ปลุกพลัง SME” และ “Beyond ติดปีก SME” ดอกเบี้ย 3% ต่อปี ผ่อน 10 ปี และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ SMEs เริ่มต้นที่ 2.99% ด้านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ได้ขยายเวลาชำระหนี้ 365 วัน ลดดอกเบี้ยสูงสุด 20% และเพิ่มวงเงินชั่วคราว 1 ปี สูงสุด 30 ล้านบาท รวมทั้งมีมาตรการเสริม เช่น เงินทุนหมุนเวียนเพื่อออกงาน, Safe Trade, Export Credit Insurance เป็นต้น
สำหรับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ได้พักชำระเงินต้นและกำไรสูงสุด 6 เดือน ขยายได้อีก 6 เดือน และมีสินเชื่อเพื่อซ่อมบ้าน เริ่มต้น 1.99% ต่อปี วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท รวมถึงสินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจ เริ่มต้น 3.25% วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท ขณะที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มีโครงการ PGS11 SMEs ยั่งยืน ค้ำประกันรายละ 0.5–10 ล้านบาท สูงสุด 7 ปี ยกเว้นค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก, โครงการ SMEs Micro Biz ค้ำประกัน 10,000–500,000 บาท ยกเว้นค่าธรรมเนียม 3 ปีแรกเช่นกัน โดยเปิดรับคำขอจนถึง 30 ธ.ค. 2568