50 ปี ตลาดหุ้นไทย สู่อนาคตใหม่ เร่งฟื้นความเชื่อมั่น เสริมแกร่งเสาหลักเศรษฐไจไทย
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ "ธุรกิจไทยโตคู่สังคม" ในวาระครบรอบ 50 ปีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เสาหลักของเศรษฐกิจไทยที่เริ่มต้นจากบริษัทจดทะเบียนเพียง 8 บริษัท สู่มากกว่า 800 บริษัทในปัจจุบัน
รัฐบาลและผู้บริหารตลาดทุนร่วมกันสะท้อนบทบาทสำคัญของตลาดทุนไทยในฐานะแหล่งระดมทุนกว่า 6 ล้านล้านบาท ที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจและโอกาสของประชาชน ทั้งนี้ มองว่าการพัฒนาตลาดทุนต้องเดินควบคู่กับการฟื้นฟู "ความเชื่อมั่น" ผ่านการส่งเสริมผลิตภัณฑ์การลงทุน การปรับปรุงกฎเกณฑ์ และการใช้เทคโนโลยี เพื่อสร้างโอกาสให้คนไทยลงทุนอย่างมั่นใจและยั่งยืน
ขณะที่ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่โปร่งใส ทันสมัย และตอบโจทย์อนาคต เพื่อให้ตลาดทุนไทยเป็นเวทีของนวัตกรรม การลงทุน และความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ดัชนีมีทั้งขึ้นและลง แต่การหลีกเลี่ยงหรือทำให้ได้รับผลกระทบน้อยลง ต้องเปลี่ยนแปลงและพัฒนา ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นขององค์กร โดยเฉพาะการพัฒนาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางนวัตกรรมของโลก
ดังนั้น การพัฒนาของผู้ระดมทุนนำไปสู่ผลลัพธ์ความยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์ฯ นักลงทุนรายย่อย และภาคเอกชน ผมอยากเห็นตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถพัฒนาและฟื้นฟูความเชื่อมั่น Trust and Confidence ให้กลับมาให้ได้
หน้าที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นด้านการส่งเสริมผู้ระดมทุน การส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์กรเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการลงทุน ตลอดจนปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน
"ทั้งหมดนี้คือภารกิจที่สำคัญเพื่อนำมาซึ่งการสร้างโอกาสและทางเลือกของนักลงทุนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ให้ประชาชนสามารถลงทุนด้วยข้อมูลที่เพียงพอประกอบการตัดสินใจ ได้ผลตอบแทนระยะยาวที่ดีและยั่งยืน"
ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กล่าวในช่วงเสวนา The Legacy : "มองอดีต สร้างอนาคต บรรษัทภิบาลไทย" ว่า ในช่วงของการดำรงตำแหน่งประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กำลังทำอยู่และจะทำต่อไป คือ การสร้าง Trust and Confidence ให้เกิดขึ้นกับตลาดทุนไทย มุ่งเน้นการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบ กฎหมาย เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เท่าเทียม พร้อมไปกับทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมไปถึงการเดินหน้ายังขับเคลื่อนโครงการ Thailand Individual Saving Account (TISA) เพื่อส่งเสริมคนไทยซื้อหุ้นระยะยาว การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในงานวิจัย การเปิดเผยข้อมูล มุ่งเน้นไปที่ Future โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องเป็นฐานข้อมูลให้นักลงทุนเข้าถึงได้ เพื่อให้ผู้ลงทุนนำไปตัดสินใจ สิ่งเหล่านี้ถ้าสามารถขับเคลื่อนได้ อนาคตประเทศไทย จะเห็นสิ่งใหม่ๆ
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน บริษัทจดทะเบียน ผู้ลงทุน สถาบันตัวกลาง สมาคม องค์กรวิชาชีพต่างๆ ภาคสังคม และสื่อมวลชน ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันเป็นกำลังสำคัญที่ร่วมกันขับเคลื่อนและสนับสนุนตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกัน ขอขอบคุณท่านกรรมการ ผู้บริหาร และบุคลากรของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นพลังบวก ได้ร่วมกันวางทิศทางและสร้างรากฐานให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดทุนไทยเติบโตเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจไทยได้อย่างมั่นคงจวบจนทุกวันนี้
อย่างไรก็ดี 50 ปีข้างหน้าคงต้องเจออะไรอีกมากมาย แต่ในวันนี้ มีความสามัคคีและความตั้งใจที่อยากจะพัฒนาตลาดทุนไทยเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนและนักลงทุนมีทางเลือก มีข้อมูลและความรู้เพียงพอในการตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ
สร้างโอกาสให้บริษัทจดทะเบียนและที่จะจดทะเบียนที่อยากจะเสริมสร้างและต่อยอดธุรกิจให้เติบโตไปกับเศรษฐกิจไทยได้เข้าถึงทุนที่เหมาะสม ขอขอบคุณทุกท่านทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่จะร่วมด้วยช่วยกันทำให้ตลาดทุนไทยเติบโตแข็งแกร่งขึ้น