โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

SMEs-การเกษตร

กรมชลประทาน เตรียมแผนบริหารจัดการน้ำรับมืออุทกภัยในพื้นที่ลุ่มต่ำ

เดลินิวส์

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
กรมชลประทานไม่ได้เพียงบริหารจัดการน้ำ แต่กำลัง

ในห้วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศ “กรมชลประทาน” ในฐานะหนึ่งในหน่วยงานหลักด้านการบริหารจัดการน้ำของประเทศ ได้พลิกโฉม "พื้นที่ลุ่มต่ำ" ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเพียงพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากให้กลายเป็น "ขุมทรัพย์แห่งการเพาะปลูก" ที่สร้างความมั่นคงทางอาหารและรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่เกษตรกรไทย

เปลี่ยนข้อจำกัดให้เป็นจุดแข็ง ใน 10 พื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยาตอนล่าง

กรมชลประทานได้เลือกพื้นที่ลุ่มต่ำ 10 แห่งในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ประกอบด้วย เชียงราก, ท่าวุ้ง, ฝั่งซ้ายชัยนาทป่าสัก, บางกุ่ม, บางกุ้ง, บางบาล - บ้านแพน, ป่าโมก, ผักไห่, เจ้าเจ็ด และโพธิ์พระยา ให้เป็น "พื้นที่นำร่อง" ในการจัดระบบการเพาะปลูกใหม่

โดยพื้นที่เหล่านี้แต่เดิมเป็นพื้นที่ที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมตามธรรมชาติอยู่เสมอ แต่ด้วยการบริหารจัดการน้ำอย่างเชี่ยวชาญ กรมชลประทานได้เปลี่ยนข้อจำกัดนี้ให้กลายเป็นจุดแข็ง

โครงการปรับปฏิทินการเพาะปลูกข้าว กุญแจความสำเร็จ

ปัจจัยหลักความสำเร็จมาจาก "โครงการปรับปฏิทินการเพาะปลูกข้าว" ซึ่งคิดค้นขึ้นเพื่อรับมือกับธรรมชาติอย่างเข้าใจ โดยมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นระบบ ดังนี้

การเริ่มต้นที่เร็วกว่าเดิม กรมชลประทานเริ่มประชาสัมพันธ์โครงการให้เกษตรกรรับทราบตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน และเริ่มส่งน้ำเข้าระบบชลประทานช่วงกลางเดือนเมษายน ทำให้เกษตรกรสามารถเริ่มเพาะปลูกได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งเร็วกว่าการรอฝนตามวิถีเดิม
เก็บเกี่ยวก่อนน้ำหลาก ผลผลิตจะถูกเก็บเกี่ยวให้เสร็จสิ้นก่อนกลางเดือนกันยายน ซึ่งช่วยให้ผลผลิตของเกษตรกรปลอดภัยจากความเสียหายจากน้ำท่าที่สูงขึ้นในช่วงปลายฤดูฝน
พื้นที่รับน้ำหลาก ระหว่างกลางเดือนกันยายนถึงปลายเดือนตุลาคม พื้นที่ลุ่มต่ำเหล่านี้จะกลายเป็น "แก้มลิงธรรมชาติ" ที่ทำหน้าที่หน่วงน้ำและกักเก็บน้ำหลากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความรุนแรงของน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่างได้อย่างมาก

เกณฑ์การคัดเลือกพื้นที่ลุ่มต่ำ วิทยาศาสตร์และประสบการณ์ของกรมชลประทาน

ทั้งนี้ การคัดเลือกพื้นที่ลุ่มต่ำที่เหมาะสม กรมชลประทานใช้หลักการพิจารณา 6 ข้ออย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่าทุกพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์สูงสุด

1.พื้นที่ลุ่มต่ำที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมตามธรรมชาติเป็นประจำ: เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำหลากเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

2.มีแหล่งน้ำต้นทุนเพียงพอ: รับประกันว่าจะมีน้ำสนับสนุนการเพาะปลูกได้อย่างต่อเนื่อง

3.ระบบชลประทานที่ควบคุมได้: เพื่อการส่งน้ำและระบายน้ำที่แม่นยำและตอบสนองความต้องการ

4.ขอบเขตพื้นที่ชัดเจน: เพื่อการควบคุมการกักเก็บน้ำที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

5.โครงสร้างระบายน้ำเข้า-ออกสะดวก: หัวใจสำคัญของการจัดการน้ำให้ไหลเวียนได้อย่างรวดเร็วและไม่สร้างปัญหา

6.รักษาระดับน้ำที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน: ความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของประชาชนและโครงสร้างพื้นฐานคือสิ่งที่กรมชลประทานให้ความสำคัญสูงสุด

เปลี่ยนชีวิตเกษตรกร เพิ่มการเพาะปลูกจาก "ปีละครั้ง" สู่ "ปีละสองครั้ง"

ก่อนการจัดระบบ เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มต่ำต้องพึ่งพาน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ทำให้เพาะปลูกข้าวได้เพียงปีละครั้ง และต้องเผชิญความเสี่ยงจากทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม ซึ่งเป็นความท้าทายที่ยากจะควบคุม

แต่ หลังการจัดระบบ ชีวิตของเกษตรกรก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เกษตรกรสามารถปลูกพืชได้ถึง “ปีละ 2 ครั้ง”

ด้วยการสนับสนุนจากระบบชลประทาน ทำให้ลดความเสี่ยงจากภัยแล้ง เพราะมีน้ำต้นทุนจากระบบชลประทานคอยหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน ยังเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ผ่านผลผลิตที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ หลังจากระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำ กรมชลประทานจะคงระดับน้ำในพื้นที่ลุ่มไว้ต่ำประมาณ 30 เซนติเมตรหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อเตรียมแปลงสำหรับฤดูเพาะปลูกถัดไปและช่วยสลายตอซังข้าวลดการเผาไหม้ ไม่เพียงช่วยรักษาความชื้นในดินโดยไม่ต้องรอน้ำฝน แต่ยังลดการใช้สารเคมีในการควบคุมวัชพืช เสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ของดิน และลดปัญหาการพังทลายของหน้าดินจากฝนตกหนัก

กรมชลประทานไม่ได้เพียงบริหารจัดการน้ำ แต่กำลัง "บริหารจัดการชีวิต" และ "สร้างโอกาส" ให้กับผืนแผ่นดินและผู้คน

การทำงานอย่างไม่หยุดยั้งนี้ คือบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ด้วยทุกหยดน้ำที่รังสรรค์โดยหัวใจของกรมชลประทาน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

‘อาการเวียนหัว’สาเหตุเกิดจากอะไร หายากินเองได้ไหม?

43 นาทีที่แล้ว

ทั่วไทย ‘ฝนน้อย’ ร้อยละ 20-40 อันดามันคลื่นสูง 1-2 เมตร

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เดลินิวส์ 3 ส.ค.สั่งยิงโดรนทุกลำที่รุกล้ำ ภัยคุกคามร้ายแรง บินสำรวจสอดแนมฐาน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“อั๋น ภูวนาท” โต้กระแสแชร์ภาพ “ฮุนเซน-มาลี” จวกคนไทยทำลายความน่าเชื่อถือประเทศ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความSMEs-การเกษตรอื่น ๆ

เปิด ! 10 ลักษณะเห็ดพิษ รู้ไว้ก่อนสายเกินแก้

เทคโนโลยีชาวบ้าน

เกษตรกรรุ่นใหม่ ต่อยอดสวนมะม่วงหิมพานต์ แปรรูปขายออนไลน์ กก. ละ 350 บาท

เทคโนโลยีชาวบ้าน

‘กรมประมง’ คลายล็อก แรงงานเมียนมา ขยายเวลาหนังสือคนประจำเรือ

เดลินิวส์

‘สมุนไพรไทย’ บุกตลาดญี่ปุ่น โชว์ศักยภาพในงาน ‘Expo 2025 Osaka’

เดลินิวส์

มีที่ว่างรอบๆ บ้าน ปลูกอะไรดี เลือกได้ทั้งไม้ผล พืชผัก และสมุนไพร

เทคโนโลยีชาวบ้าน

กัลฟ์ มอบ 18 ล้าน หนุน รพ.จุฬาฯ ใช้เทคโนโลยีทำลายเนื้องอกไร้แผล สำเร็จแห่งแรกในอาเซียน

AEC10NEWs

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...